ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ธัญมัย ทรงอธิกมาศ
ธัญมัย ทรงอธิกมาศ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

การสอน เน้นมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน เน้นคิดวิเคราะห์ เน้นคีย์เวริ์ด และเน้นให้ นร หาหลักจำ หลักเข้าใจของนักเรียนแต่ะละคนเอง

แสดงเพิ่มเติม
ศิริพร เพ็ชรรัตน์
ศิริพร เพ็ชรรัตน์
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

ประสบการณ์สอน (ปี) : สอนมาแล้ว3ปี ปัจจุบันสอนติวเข้ามัธยม1,4 และประถม

รายละเอียด : (ตัวอย่าง)

- คณิต ระดับอนุบาล ประถม สอบเข้าม.1

- คณิต ม.2 ม.4 สอบเข้าเตรียมทหาร

- วิทย์ ประถม และสอบเข้าม.1

- สังคม ประถม สอบเข้าม.1 และสอบเข้าม.4 เตรียมอุดม

- ภาษาไทย อนุบาล ประถม สอบเข้าม.1 และ ม.4เตรียมอุดม

- อังกฤษ อนุบาล ประถม และสอบเข้าม.1

- จีน ปูพื้นฐาน ประถม

เป็นติวเตอร์สอนตามบ้านมา3ปี เป็นติวเตอร์สถาบันสอบเข้ารร.บดินทรเดชา และเป็นติวเตอร์สถาบันสอบเข้าเตรียมทหารลานทอง

ผลงาน / รางวัล :

สอบผ่านการวัดระดับภาษาจีน HSK5

สอบชิงทุนไปเรียนจีนระดับป.ตรีผ่าน (เหตุไม่ได้ไปเพราะติดโควิด)

สอนติวนร.สอบติดม.1 รร.สวนกุหลาบนนท์ได้

สอนติวนร.สอบติดม.1ห้องกิฟต์ได้ รร.สาธิต

สอนติวนร.สอบติดม.4รร.เตรียมอุดมได้

***สามารถให้ติวเตอร์ส่งแนบรูปสอนหรือคลิปการสอนให้ได้ค่ะ***

(สามารถทดลองสอนได้ค่ะ)(มีรีวิวของผู้ปกครอง ติวเตอร์ใจดีมากค่ะสอนเด็กพิเศษได้ค่ะ ใจเย็น)

แสดงเพิ่มเติม
ฌานิศา ช่วยนุกูล
ฌานิศา ช่วยนุกูล
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี
Saijai อายุ 29 ปี
สิริกร สายขุน
สิริกร สายขุน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 27 ปี
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่พูดคำหยาบ อัธยาศัยดี ตั้งใจทำงานที้ได้รับมอบหมาย ไม่ยุ่งอบายมุข สอนประจำได้

แสดงเพิ่มเติม

สวัสดีค่ะ ชื่อ อิสซาตี เรียกสั้นๆว่าตี้ได้ค่ะ ตี่เคยมีประสบการณ์การสอนการบ้าน และสอนพิเศษภาษาอะงกฤษให้กับน้องอนุบาลและประถมค่ะ ตี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่2 ที่มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติมาเลเซีย ที่ประเทศมาเลเซีย

แสดงเพิ่มเติม
Jarinpon Wongviriyasakoon
Jarinpon Wongviriyasakoon
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงานและชอบพบปะทำความรู้จักกับคนใหม่ๆเสมอ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่ติวเตอร์เก่งมาก ๆ ทำให้เราเข้าใจคำศัพท์ได้ง่าย ๆ วิธีการใช้ในประโยคในเวลาไม่กี่เดือน ตอนแรกจะจำศัพท์ไม่ค่อยได้ เพราะศัพท์เยอะมาก แต่พอท่องศัพท์และหัดใช้ ตอนนี้ดีขึ้นมากเลย คะแนนก็ดีขึ้น
Saijai
ชนกานต์ วรธีรนนท์
4 ปีที่แล้ว
ประทับใจติวเตอร์มาก ๆ ค่ะ ครูติวเตอร์สอนดีมาก ๆ เป็นกันเองสุด ๆ เลยค่ะ เวลาหนูไม่เข้าใจตรงไหน หนูก็จะถามติวเตอร์ เพราะภาษาอังกฤษหนูค่อนข้างอ่อน แต่ตอนนี้หนูรู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
Saijai
มนัสนันท์ รุจิรดาภรณ์
4 ปีที่แล้ว
กำลังจะเตรียมตัวสอบ TOEIC ไปสมัครงานค่ะ ก่อนหน้านี้มองหาที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษแถวบ้านแต่หายากมากเพราะไม่ได้อยู่ในตัวเมือง เลยลองเสิร์ชหาใน google ดู มาเจอของใส่ใจ เห็นว่ามีเรียนพิเศษแบบออนไลน์ด้วยก็เลยตัดสินใจเลือกใช้บริการเลยค่ะ ถือว่าสะดวกกว่ามาก ๆ แถมติวเตอร์สอนเข้าใจง่ายด้วย
Saijai
ไอด้า พิทักษ์ยิ่ง
4 ปีที่แล้ว
เว็บไซต์ของใส่ใจใช้งานง่ายมาก ๆ ครับ เราลองใช้บริการติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ ขั้นตอนการจ้างไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังสะดวกและรวดเร็วด้วยครับ มีระบบการจ่ายเงินที่น่าเชื่อถือ โดยรวมประทับใจครับ
Saijai
ภูริทัศ จินดาโชติ
4 ปีที่แล้ว
ลูกเพิ่งเข้าเรียนโรงเรียนหลักสูตร2ภาษาครับ แต่ลูกมีปัญหาไม่กล้าพูดและใช้ภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเพราะกลัวเรื่องแกรมม่าและการออกเสียงคำศัพท์มากๆ จนต้องตัดสินใจหาติวเตอร์มาช่วยสอน ซึ่งตัวของติวเตอร์ช่วยสอนและฝึกให้ลูกพูดสนทนาออกเสียง ตอนนี้ลูกมีความกล้าและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นมากเลยครับ
Saijai
ชาธิต ประทีบศาสตร์
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ

มีวิธีการอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น
ในสังคมปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ที่มีความสำคัญรองจากภาษาแม่ของเรา เพื่อที่เราจะได้ติดต่อสื่อสาร ทำงาน ทำธุรกิจกับชาวต่างชาติได้และอาจจะทำให้เราได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการที่ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษ ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

เรามีวิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งมาแนะนำกันค่ะ

1 เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษ คุณอาจจะพูดและอัดเสียงตัวเองไว้แล้วฝึกฝนบ่อย ๆ เพราะการฝึกซ้ำ ๆ จะทำให้เราเกิดความชำนาญและสามารถพัฒนาการพูดของเราได้อย่างมาก หรือการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อพูดคุยกับเพื่อนในชีวิตประจำวันเป็นการช่วยฝึกภาษาอังกฤษได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
2 ฝึกการฟัง การที่เราฟังอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เราเข้าใจและทำให้เราพูดเก่งขึ้นอีกด้วย เช่น ลองฟังเพลงภาษาอังกฤษ เพลงที่เราชอบไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ลองฟังและหาเนื้อเพลงมาอ่านไปด้วย หรืออาจจะเป็นการดูภาพยนตร์แบบ Soundtrack ดูแบบ DVD ก็ได้ ซึ่งสามารถดูซ้ำไปซ้ำมาได้หลายรอบ เริ่มต้นจากการดูโดยมี Subtitle หลังจากเริ่มชินแล้วให้ลองปิด Subtitle อีกหนึ่งตัวเลือกก็คือ เปิดฟังคลื่นวิทยุภาษาอังกฤษจะทำให้เรารู้สึกชินกับเสียงและสำเนียงภาษาอังกฤษมากขึ้น
3 ลองอ่านหนังสือหรือบทความภาษาอังกฤษบน Website หรือหนังสือที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ลองเริ่มจากเล่มง่าย ๆ อาจเป็นหนังสือเด็กหรือการ์ตูนซึ่งมีภาพประกอบที่ช่วยให้เข้าใจง่าย
4 การเขียน เริ่มต้นง่ายๆ จากการเขียนบันทึกประจำวัน ไดอารี่ หรือเขียนความคิดเห็น ใน Blog ภาษาอังกฤษ เริ่มต้นจากการเขียนโดยใช้ภาษาง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคแล้วค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ

แม้จะมีคำกล่าวว่าไม่เก่งภาษาอังกฤษไม่ได้แปลว่าโง่ แต่เชื่อเถอะว่าความชำนาญภาษาอังกฤษส่งผลดีให้คุณแน่นอน
เรียนกับครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ส่วนตัว ช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้จริงหรือ
เรียนกับครูสอนพิเศษ หรือติวเตอร์ส่วนตัวนั้นช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้จริงหรือไม่ ใส่ใจจะมาอธิบายข้อดีของการมีติวเตอร์ส่วนตัวให้คุณได้เห็นภาพยิ่งขึ้น

โดยปกติแล้วครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษหรือติวเตอร์ส่วนตัวเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การสอนมาอย่างยาวนาน และมีความรู้เกี่ยวกับด้านภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ ติวเตอร์บางคนอาจจบการศึกษามาจากต่างประเทศ ทำให้มีความเข้าใจทั้งภาษา สำเนียง และวัฒนธรรมที่หลากหลายของประเทศเจ้าของภาษานั้น ๆ และสามารถนำความรู้ความเข้าใจเหล่านี้มาถ่ายทอดให้กับนักเรียนได้ ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้แน่นอนว่าการเรียนพิเศษกับติวเตอร์ส่วนตัวจะช่วยให้เราได้รับความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย ครูสอนพิเศษมักมีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย เช่น เทคนิควิธีการจำคำศัพท์ วิธีการเขียนเรียงความ (Essay) รวมไปถึงเทคนิคในการเก็งข้อสอบ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียนได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีแผนการเรียนการสอนที่น่าสนใจเช่นกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างคลาสเพื่อส่งเสริมทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อให้การเรียนในแต่ละครั้งสนุกสนานยิ่งขึ้น การเรียนแบบตัวต่อตัวนั้นนักเรียนจะได้รับการใส่ใจในการสอนอย่างใกล้ชิด หากนักเรียนไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนไหนก็สามารถให้ติวเตอร์อธิบายอย่างละเอียดจนกว่าจะเข้าใจโดยไม่ขาดตกส่วนใดส่วนส่วนหนึ่งไปเหมือนตอนเรียนในห้องเรียนหลาย ๆ คน ที่สำคัญติวเตอร์ก็สามารถสังเกตจุดอ่อนและจุดแข็งของนักเรียน ดูว่ามีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน และสามารถแก้ไขปัญหาของนักเรียนได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าการมีติวเตอร์หรือครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษมาสอนแบบตัวต่อตัวนั้นสามารถช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้จริงอย่างแน่นอน ดังนั้น ลองหาครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษที่เก่ง ๆ สักคนเพื่อมาช่วยคุณดูสิ
จุดอ่อนของเด็กไทยในการเรียนภาษาอังกฤษคืออะไร และควรทำอย่างไรเพื่อพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น
อะไรคือจุดอ่อนของการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนไทย แล้วเราจะแก้ได้อย่างไร ปัจจุบันหลายโรงเรียน มีการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาลและต่อเนื่องในทุกระดับชั้น แต่ทำไมภาษาอังกฤษยังคงเป็นจุดอ่อนสำหรับน้อง ๆ หลาย ๆ คน จากการค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่งได้สรุปสาเหตุไว้คร่าว ๆ ดังนี้ว่า

1. ขาดการฝึกฝน ขาดคำศัพท์ เพราะส่วนใหญ่นักเรียน จะเรียนภาษาอังกฤษในห้องเรียน 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ต่อวัน แต่เวลาที่เหลือแทบจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย การเรียนการสอนส่วนใหญ่เน้นไปที่ให้ทำข้อสอบได้ ดังนั้นเด็กนักเรียนไทยส่วนหนึ่งเรียนภาษาอังกฤษเพื่อจะใช้ในห้องสอบ ทักษะอื่น ๆ และคำศัพท์นอกเหนือจากที่เรียนในห้องเรียนแทบจะไม่ได้ใช้เลย ทางแก้ไขคือน้อง ๆ นักเรียน ต้องฝึกฝน เรียนรู้เพิ่มเติม และเพิ่มคำศัพท์แล้วพยายามใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน อาจมีการรวมกลุ่มหรือชมรม ห้องเรียนพิเศษที่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าในห้องเรียน
2. เป็นเหตุต่อเนื่องจากข้อแรก คือขาดความมั่นใจเพราะกลัวพูดผิด กลัวพูดออกไปแล้วสื่อสารไม่ได้เลยไม่กล้าที่จะพูด บวกกับนิสัยของคนไทยที่ขี้อาย เกรงใจ เขิน ไม่กล้าแสดงออก จนไม่กล้าพูด ทางแก้ไขคือ เมื่อมีโอกาสได้ใช้ภาษาควรแสดงความสามารถและพยายามสื่อสารทั้งด้วยคำพูด น้ำเสียงและท่าทางประกอบกัน เมื่อผ่านไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อ ๆไปจะตามมา ที่สำคัญต้องจำคำศัพท์ให้ได้มาก ๆ จะช่วยให้เราสื่อสารได้มากขึ้น
3. การเรียนการสอนที่ไม่ถูกหลัก ทำให้ไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ อย่างที่รู้กันอยู่ว่าทุกวันนี้เด็กไทยของเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล และได้รับการสอนภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ มากกว่า 10 ปี แต่คนไทยเรายังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จากการศึกษาข้อมูลทำให้พบว่า การสอนภาษาอังกฤษที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก โดยที่เราเริ่มต้นสอนทักษะภาษาอังกฤษจากการอ่าน การเขียน ก่อนที่จะเรียนการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ จึงทำให้การเรียนรู้การพูดภาษาอังกฤษของเด็กไทยนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเมื่อทำไม่ได้เลยรู้สึกไม่สนุก ไม่อยากเรียน ครูผู้สอนควรสร้างบรรยากาศการเรียนให้สนุก เช่นเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง แล้วค่อย ๆ แทรกเนื้อหาหลักไวยากรณ์หรือคำศัพท์ลงไป นักเรียนจะซึมซับความรู้เหล่านั้นไปโดยไม่รู้ตัว

ปัจจัยทั้งหมดนอกจากตัวของน้อง ๆ นักเรียนเอง ยังมีเรื่องของสภาพแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อผู้เรียนโดยตรง ถ้าปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนสามารถทำให้นักเรียนได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ และได้ช่วยพัฒนาจุดอ่อนของน้องๆนักเรียนอย่างตรงจุด จะสามารถช่วยพัฒนานักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อยากจ้างติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ TOEIC, TOEFL และ IELTS .ใส่ใจมีบริการดังกล่าวหรือไม่
TOEIC TOEFL IELTS มีความแตกต่างกันอย่างไร

TOEIC (Test of English for International Communication)
เป็นการวัดระดับภาษาอังกฤษเชิงการสื่อสาร คะแนน TOEIC มีไว้สำหรับการสมัครงาน เพื่อเป็นการรับรองว่าเรามีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ตรงตามที่บริษัทกำหนดเอาไว้ โดยการสอบ TOEIC มี 2 ส่วน คือ
• การฟัง Listening
• การอ่าน Reading
โดยข้อสอบเป็นแบบเลือกตอบ (Multiple Choice) ทั้งหมด

TOEFL (The Test of English as a Foreign Language)
เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ (Academic English) ทั้งนี้เพื่อทดสอบว่าผู้สอบมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการมากน้อยแค่ไหน จุดประสงค์เพื่อใช้สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ สามารถนำคะแนนสอบไปใช้ยื่นเข้าเรียนต่อปริญญาโท และปริญญาเอกในคณะที่เป็นหลักสูตร International ได้ โดยข้อสอบ TOEFL มี 4 ส่วน
• การอ่าน Reading
• การฟัง Listening
• การพูด Speaking
• การเขียน Writing

IELTS (International English Language Testing System)
เป็นการสอบในระบบภาษาอังกฤษ โดยทดสอบภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ โดยถ้าต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็จะต้องใช้คะแนน IELTS
การสอบ IELTS ใช้ประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สมัครสอบ 4 ทักษะ คือ
• การฟัง Listening
• การอ่าน Reading
• การเขียน Writing
• การพูด รวมถึงความรู้ทางด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ Speaking including Grammatical and Vocabulary Knowledge
IELTS เป็นข้อสอบที่ร่วมมือกันของ 3 สถาบัน ได้แก่
• The University of Cambridge ESOL Examinations (Cambridge ESOL)
• British Council
• IDP : IELTS Australia
ซึ่งการสอบ IELTS ถือได้ว่าเป็นการสอบที่ใช้ประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานระดับสูงสุด