ครูฝึกทักษะ

ครูฝึกทักษะ

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

รีวิวล่าสุด

ได้ครูสอนต่อยมวยใกล้บ้าน ไปเรียนสะดวก ชอบมาก
Saijai
วรพล อันประเสริฐ
3 ปีที่แล้ว
สนใจอยากทำขนมไทย บนเว็บใส่ใจมีคนสอนด้านนี้หลายคน ราคามิตรภาพมาก ๆ สนใจเลยค่ะ เราจองเวลาเรียนตามที่เราสะดวก โอเคมาก ๆ เลยค่ะ
Saijai
วีณา กลิ่นขจร
3 ปีที่แล้ว
เว็บใช้งานง่ายมากเลยครับ ตั้งแต่ขั้นตอนติดต่อหาครูสอน กรอกข้อมูล เช็คราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ผมได้ครูสอนว่ายน้ำที่มีประสบการณ์ ใจเย็นมาก ๆ ด้วยครับ
Saijai
ชลธี พัฒนวงศ์สันต์
3 ปีที่แล้ว
ลงเรียนทำของหวานค่ะ ชอบมาก ๆ ครูสอนสอนดีคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป เชฟบอกสูตรหมดเลยวิธีการทำ ขั้นตอน เคล็ดลับต่าง ๆ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ ตอนนี้เปิดร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ในย่านสุขุมวิท ได้นำสิ่งที่เรียนมา มาต่อยอดได้ดีเลยค่ะ
Saijai
นรีกุล วงศ์นารี
3 ปีที่แล้ว
ว่างงานกะทันหัน มีเวลาว่างเยอะ เลยอยากเรียนทักษะเพิ่มเติม เราพอทำอาหารได้บ้าง ลองหาครูสอนทำขนมไทยจากเพจใส่ใจ หาง่ายมาก มีรายละเอียดข้อมูลชัดเจน จองคนสอนได้ไม่ซับซ้อน ตอนนี้ผ่านไป หนึ่งคอร์ส เตรียมตัวชิมกันได้เลยค่ะ อร่อยแน่นอน
Saijai
ณภัทร เจริญยิ่ง
1 วินาทีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ครูฝึกทักษะ

ทักษะเสริมที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงาน มีอะไรบ้าง
ทักษะเสริมที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงาน มีอะไรบ้าง ด้วยโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วบวกกับวิกฤติไวรัส (COVID-19) เป็นตัวเร่งให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดเร็วขึ้น คนทำงานจำเป็นต้องปรับตัวและสร้างหรือเพิ่มทักษะให้กับตนเอง เพื่อเพิ่มคุณค่าและความก้าวหน้าให้กับตัวเอง การมีทักษะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานอะไรบ้าง
1. ทักษะทางด้านกีฬา โค้ช/ผู้ฝึกสอนกีฬา คนทำงานหลายคนที่มีงานประจำเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่มีทักษะในการเล่นกีฬา เช่น กอล์ฟ ไตรกีฬา ว่ายน้ำ ฟุตบอล เป็นต้น การเล่นกีฬาที่นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังถือว่าเป็นข้อได้เปรียบและเป็นการสร้างโอกาสทางสังคม เช่นการออกรอบตีกอล์ฟกับลูกค้าและเจรจาธุรกิจไปด้วย หรือการเป็นตัวแทนองค์กรเข้าแข่งขันไตรกีฬา ซึ่งถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรอีกทางหนึ่ง
2. ทักษะการทำอาหาร สมมุติว่ามีคุณแม่ท่านหนึ่งกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสำหรับดูแลลูก ๆ มีผู้สมัครสองคนที่มีคุณสมบัติ ความรู้และความสามารถพอ ๆ กัน แต่คนแรกมีทักษะให้การทำอาหารที่ทั้งอร่อยและสร้างสรรค์ ส่วนคนที่สองทำเป็นแต่ไข่ต้ม ไข่ดาว และไข่เจียว คุณคิดว่าใครจะได้งานนี้ไป
3. ทักษะการขับรถ ทักษะการขับรถเป็นอีกหนึ่งทักษะที่มักถูกระบุลงไปในคุณสมบัติที่นายจ้างต้องการนอกจากความรู้ ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานโดยตรง เช่น นายจ้างต้องการพนักงานตลาดที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการตลาด แต่ระบุเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า หากขับรถเป็นจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะหน้าที่ของพนักงานการตลาดคือต้องพบปะลูกค้าทั้งในและนอกออฟฟิศ ฉะนั้นหากพนักงานคนนั้นขับรถเป็น จะช่วยส่งเสริมให้ปฏิบัติงานได้สะดวกมากขึ้น
ทักษะเสริมอะไร ที่คุณสามารถนำมาประกอบอาชีพได้
มีทักษะเสริมอะไรบ้างที่คุณสามารถนำมาประกอบอาชีพได้ การพัฒนาคุณภาพทักษะการเรียนรู้ของเรา ให้เชื่อมโยงกับระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ส่งเสริมศักยภาพด้านต่างๆ สามารถพัฒนาสู่อาชีพได้ไม่ยากดังอาชีพเหล่านี้

1. ผู้ฝึกสอนกีฬา หรือ Coach หรือ เทรนเนอร์ (Trainer) หลายคนพัฒนาทักษะตัวเองจากกีฬาที่สนใจ เช่น ฟุตบอล ว่ายน้ำ หรือ บาสเกตบอล ผันตัวเองจากผู้เล่นไปเป็นผู้ฝึกสอนหรือโค้ชให้กับผู้อื่น แนะนำแก้ไขจุดด้อยได้ เพื่อการพัฒนาของนักกีฬาหรือผู้สนใจเล่นกีฬาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
2. ทักษะการทำอาหาร หลายคนที่มีความสนใจในการทำอาหาร มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ จนพัฒนาทักษะไปสู่มืออาชีพ ด้วยหลักการที่ว่าคนเราเรียนรู้จากการลงมือทำจริง หากได้คนชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง จากความสนใจ บวกกับทักษะที่ฝึกฝน เรียนรู้ เชฟ (chef) คือปลายทางของความฝันได้จริง
3. ทักษะการขับรถ ที่ไม่ใช่แค่ขับรถเป็น แต่บางคนรักการขับรถและมีใจรักงานบริการ สามารถพัฒนาทักษะนี้สู่อาชีพคนขับรถมืออาชีพ (Personal driver)
4. ทักษะการร้องเพลงและดนตรีและ เช่น กีตาร์ ไวโอลิน เปียโน กลอง ฯลฯ ที่เริ่มจากความชอบ ฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ สามารถดึงดูดใจผู้ฟังใจ ถ้าเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี คล่องแคล่ว ทันสมัย ชอบพบปะผู้คน จากงานอดิเรกหรือแค่ความชอบ สามารถเปลี่ยนความชอบเหล่านี้ให้กลายเป็นมืออาชีพได้ ซึ่งเป็นได้ ทั้งนักร้อง ครูสอนร้องเพลง นักดนตรี และครูสอนดนตรี เป็นต้น

การเรียนในรูปแบบออนไลน์สามารถใช้กับการเรียนทักษะเสริมได้หรือไม่
เรียนออนไลน์หรือเรียนแบบตัวต่อตัว สนใจเรียนแบบไหน มีผู้ให้บริการทุกรูปแบบค่ะ

1. การเรียนแบบออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา ทำอาหาร ขับรถ หรือ ดนตรี ก็สามารถเลือกเรียนออนไลน์ได้ อาจจะมีการสอนออนไลน์แบบกลุ่ม หรือแบบเดี่ยวซึ่งราคาแตกต่างกันออกไป โดยในช่วงแรกที่ต้องเรียนเกี่ยวกับทฤษฎี กฎ กติกา มารยาทต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ทักษะ ต้องอาศัยการจดข้อมูลต่าง ๆ สามารถเรียนทางออนไลน์ได้โดยยังไม่ต้องเรียนแบบตัวต่อ อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเรียน หรือให้ติวเตอร์เข้ามาสอนซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
2. การเรียนแบบตัวต่อตัว เหมาะสำหรับผู้ที่เรียนรู้ช้าหรือยังไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการเรียนทักษะเสริมมากนัก หรืออาจจะเน้นสอนในส่วนของภาคปฏิบัติ หลังจากเรียนทฤษฎีไปแล้ว เพื่อให้สัมฤทธิผลมากขึ้นจึงควรเรียนแบบตัวต่อตัว เพราะการเรียนแบบตัวต่อตัวแบบมีบริการสอนถึงบ้าน หรือใกล้บ้านตามสถานที่ที่สะดวก ผู้สอนจะอยู่อย่างใกล้ชิดและสามารถสังเกตจุดอ่อนหรือจุดแข็งของผู้เรียนและสามารถแก้ไขได้ถูกจุด อีกทั้งทักษะบางอย่างต้องลงมือปฏิบัติจริงจึงจะรู้ว่าที่ทำอยู่ถูกต้องหรือไม่ ตัวอย่างเช่น
- กีฬาฟุตบอล ให้ลองลงสนามจริง ซ้อมวิ่ง ซ้อมรับ-ส่งลูก ซ้อมกันเป็นทีม และลองฝึกยิงลูกโทษ
- การทำอาหาร ต้องลองฝึกทำจริงๆ เพื่อที่จะได้ทดสอบว่าอาหารที่ทำออกมามีรสชาติอย่างไร
- ขับรถ แน่นอนว่าการขับรถต้องลองขับบนท้องถนน เริ่มแรกอาจฝึกขับบนถนนจำลองก่อนเพื่อให้คุ้นชินกับการขับรถ หลังจากนั้นจึงขับออกไปบนถนนจริงโดยมีผู้สอนนั่งในรถไปด้วย
- ดนตรี การเล่นดนตรีก็ต้องมีการทดสอบเล่นเครื่องดนตรีนั้นๆ ว่าเล่นได้ถูกต้องหรือไม่

ดังนั้นลองไตร่ตรองดูว่าคุณเลือกที่จะเรียนแบบออนไลน์หรือแบบตัวต่อตัว และจะยอมลงทุนจ่ายกับการเรียนของตัวคุณเองอย่างไรดี เพราะการลงทุนในการศึกษาทักษะต่างๆนั้น คุณจะได้ผลตอบแทนแบบไม่มีวันสิ้นสุด เพราะความรู้จะอยู่กับคุณไปตลอด
วิธีการคัดเลือกครูฝึกทักษะมีการคัดเลือกอย่างไร
คุณควรมีเกณฑ์การคัดเลือกครูฝึกสอนทักษะอย่างไร? เพื่อความมั่นใจของผู้เรียนมา

1. คัดเลือกจากคุณสมบัติเบื้องต้น เช่น การศึกษา ความรู้ การฝึกอบรม และประสบการณ์ในการสอน
2. มีการสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้ครูฝึกสอนทักษะที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
3. มีจิตวิญญาณความเป็นครู รักในการสอน มีความอดทน มีความเข้าใจผู้เรียน มีความรับผิดชอบสูง และตรงต่อเวลา ทั้งหมดเพื่อที่จะให้ผู้เรียน ได้เรียนอย่างมีความสุข เราจึงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกครูฝึกสอนทักษะเป็นอย่างมาก เพราะเป็นปัจจัยสำคัญอันดับ 1 ที่ส่งผลต่อผู้เรียน
4. ต้องมีประสบการณ์ในการสอนมาก่อน เพราะจะทำให้เข้าใจเนื้อหาและแนวทางการสอนมากขึ้น ประสบการณ์การสอนจะช่วยให้ครูฝึกสอนทักษะเข้าใจลักษณะของผู้เรียนแต่ละคน เห็นจุดแข็งจุดอ่อน จุดที่ต้องพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขได้ตรงจุด
5. มีความเข้าใจเนื้อหาที่จะทำการสอน โดยครูฝึกสอนทักษะจะต้องเข้าใจเนื้อหา ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะหากผู้สอนยังไม่เข้าใจในสิ่งที่จะสอนอย่างถ่องแท้แล้วย่อมไม่สามารถถ่ายทอดไปยังผู้เรียนได้ดีแน่นอน
6. ให้ทดลองทำการสอน เพื่อให้ครูผู้สอนได้เข้าใจขั้นตอนการเรียนการสอนอย่างแท้จริง อีกทั้งเพื่อให้แน่ใจได้ว่าครูผู้สอนสามารถถ่ายทอดและสื่อสารกับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากนั้นจะมีการประเมินผลทักษะการสอนเพื่อให้ได้ผู้สอนที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อการเรียนการสอนเสร็จสิ้น ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นต่อการสอนได้ เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น