ดูแลเด็ก ใน สาทร, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน สาทร, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างผ่านเว็บใส่ใจคือดีจริง ๆ พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราหายห่วงลูกเลยจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก บริการของทางใส่ใจถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน
Saijai
กรรชัย วงศ์พานิชญ์
3 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
3 ปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็กในเว็บใส่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะยุ่งยากในจอง แต่พอเข้าไปในเว็บไซต์ เว็บไซต์ใช้งานง่ายมาก ๆ มีความสะดวกในการใช้งาน อีกทั้งยังมี Guideline ให้อีกด้วย และขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีตัวเลือกให้เลือกด้วยว่าเราสะดวกสัมภาษณ์ทางไหน เหมาะแก่คนที่ไม่มีเวลาอย่างเราจริง ๆ
Saijai
สุริยา ดำรงรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ลองค้นหาบริการพี่เลี้ยงเด็กอยู่หลายที่ จนได้มาเจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดู รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ให้เลือกพี่เลี้ยง ขั้นตอนนัดสัมภาษณ์ รายละเอียดและคำแนะนำต่าง ๆ พี่เลี้ยงที่ได้มาก็ตรงตามความต้องการสุด ๆ รู้สึกประทับใจมาก
Saijai
ณัฐณิชา ทิวาสวัสดิ์
3 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยควรเลือกใช้บริการการเลี้ยงเด็กแบบใด พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว หรือเนอสเซอรี่
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก วันนี้เรามาดูข้อดีขอเสียของพี่เลี้ยงเด็กกันค่ะ ทำไมต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก

1) พี่เลี้ยงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากคุณไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยเนื่องจากต้องทำงานนั้น พี่เลี้ยงเด็กคือทางออกของคุณค่ะ
2) หากคุณเลือกพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกของคุณได้ค่ะ
3) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณแบบใกล้ชิดมากกว่าส่งลูกเข้าศูนย์เลี้ยงเด็ก เพราะศูนย์เลี้ยงเด็กนั้นไม่สามารถดูแลเด็ก ๆ แบบใกล้ชิดได้
4) พี่เลี้ยงสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของคุณได้
5) คุณไม่ต้องเสียเวลาไปรับไปส่งลูกน้อยที่ศูนย์หากคุณจ้างพี่เลี้ยงมาที่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณ
6) ลูกของคุณจะไม่ป่วยบ่อยเหมือนเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากกว่า20คน อาจจะเกิดความเสี่ยงติดโรคจากเพื่อน ๆ ได้
7) พี่เลี้ยงสามารถอยู่ดูแลลูกของคุณและเฝ้าบ้านของคุณได้หากในกรณีคุณกลับบ้านดึก
8) คุณสามารถบอกพี่เลี้ยงเด็กได้หากคุณต้องการให้พี่เลี้ยงมุ่งเน้นพัฒนาการของลูกคุณในด้านไหนเพราะพี่เลี้ยงของคุณจะดูแลเด็กแบบใกล้ชิด และมุ่งเน้นความสนใจให้ลูกของคุณ ต่างจากเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่ต้องเฉลี่ยดูแลอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของพี่เลี้ยงเด็ก

1) ลูกของคุณอาจจะติดพี่เลี้ยงมากเกินไป
2) ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับศูนย์เลี้ยงเด็ก
3) คุณอาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว

อย่างไรก็ดีข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณไปได้เยอะเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคน ใส่ใจมีบริการด้านนี้ค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
อะไรที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก ๆ ของคุณ ความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการใดบ้างที่จะหาพี่เลี้ยงที่วางใจได้ ใส่ใจมีวิธีการที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักตัวตนของพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น

1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

ฉันเดินอยู่บนถนนสาทรใต้

เขตสาทร ชื่อนี้ในอดีตเคยใช้ตัวสะกดชื่อถนนว่า "สาธร" ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น "สาทร" ตามคำสะกดที่ถูกต้องเช่นในปัจจุบัน หากพูดถึงเขตสาทรนี้ ในความคิดของหลายๆ คนจะนึกถึง “ตึกสูงๆ ศูนย์รวมของธุรกิจของกรุงเทพมหานคร” แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ แรกเริ่มเดิมทีนั้น ที่มีการตัดถนนผ่าน โดยถนนสาทร เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2431 ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนพระราม 4 และถนนเจริญกรุง โดยได้ว่าจ้างกลุ่มกรรมการชาวจีนที่เข้ามาทำงานในสมัยนั้น เพื่อทำการขุด โดยเริ่มขุดจากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก เรื่อยไปจนบรรจบกับคลองถนนตรงหรือคลองวัวลำพอง (ปัจจุบันถูกถมเป็นถนนพระรามที่ 4) และได้เรียกคลองที่ขุดขึ้นใหม่นี้ว่า "คลองเจ้าสัวยม" (คลองสาทรในปัจจุบัน) และได้นำดินที่ขุดคลองมาทำเป็นถนนอีกด้วย ต่อมาเจ้าสัวยมได้รับบรรดาศักดิ์และราชทินนามเป็น "หลวงสาทรราชายุตก์" จึงทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อถนนนี้ว่า "ถนนสาทรราชายุตก์" รวมถึงคลอง คือ "คลองสาทรราชายุตก์" แต่ผู้คนนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "สาทร" (ในขณะที่คำว่า "สาทร" ตามพจนานุกรมนั้นหมายถึง เอื้อเฟื้อ เอาใจใส่) และถือได้ว่าเป็นย่านเก่าแก่ของพ่อค้าชาวจีนและชาวยุโรปที่เข้ามาในช่วงเวลานั้น จึงทำให้บ้านในบริเวณสาทรจะเป็นทรงตะวันตกและสร้างแบบตามๆ กันขึ้นหลายหลัง และในบางหลังก็ยังเป็นอาคารเก่าแก่จนถึง ปัจจุบัน เช่นอาคารหอการค้าไทย-จีน ในอดีตอาคารแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของห้างบอมเบย์เบอร์มา (บอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2406) ก่อนจะถูกซื้อต่อโดยกลุ่มนักธุรกิจไทย-จีนเพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของหอการค้าไทย-จีนในช่วงรัชสมัยของ รัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2484 อาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นคอมเมิร์ชเซ็นเตอร์โดยทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบัน เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ได้ซื้อและบูรณะอาคารนี้ครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2545 เพื่อเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและโรงเรียนสอนการประกอบอาหารไทย บลู เอเลฟเฟ่นต์ จนถึงปัจจุบัน จากตึกเก่า สู่อาคารสำนักงานสมัยใหม่ สูงเสียดฟ้า ถนนสาทรมีสองฝั่ง ฝั่งสาทรใต้จะอยู่ในเขตสาทร จำง่ายๆ ว่าฝั่งที่มีโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์คือฝั่งใต้ ถ้าจะนึกถึงแลนด์มาร์ค ครั้งหนึ่งก็คงจะเป็น ตึกหุ่นยนตร์ สัญญลักษณ์ของความทันสมัย (สมัยก่อน) บนสาทร ก่อนที่จะถูกอาคารใหม่ๆ เข้ามาบดบัง และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเติบโตเลย เขตสาทร วันนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นย่านอาคารสำนักงานจากกลุ่มบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และสถานทูต สถานกงศุล นับได้ว่าเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือซีบีดี (Central Business District : CBD) อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร



สัญลักษณ์ของความทันสมัย บนสาทร

สัญลักษณ์ของความทันสมัย บนสาทร ภาพถ่ายด้วยฟิล์มอัลฟ่า แม้จะออกโทนสีเหลืองบ่งบอกถึงความเก่าไปบ้างแล้ว แต่หากนับเวลาจริงที่ได้บันทึกภาพนี้ไว้ คงเป็นเวลาที่ตื่นตาตื่นใจ พ.ศ.2529 เช้าวันที่อากาศสดใสอาคารหุ่นยนต์ดูใจดี ปรากฏขึ้นบนถนนสาทรใต้ บันทึกความทรงจำ อาคารสูง 20 ชั้นยืนสงบ บนถนนย่านธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโต และแล้ววันเวลาก็ผ่านมากว่า 30 ปี ผ่านมือจากธนาคารเอเซีย สู่ ธนาคาร ยูโอบี (ประเทศไทย) ผู้ออกแบบอาคารนี้คือ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย) ตึกก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2529 ด้วยรูปทรงอาคารที่สะท้อนถึงการต่อต้านแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก (ศตวรรษที่ 18-20) และโพสต์โมเดิร์น (แนวความคิดที่มาหลังจากยุค modern ซึ่งเป็นช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม) ล้ำสมัย ด้วยองค์ประกอบทั้งการลดระดับของผนัง เสาอากาศ และดวงตา จึงทำให้รูปทรงกายภาพภายนอกของอาคารดูเหมือน หุ่นยนต์ อย่างชัดเจน ความเป็นมาของอาคารนี้เริ่มขึ้นจาก ผู้บริหารธนาคารเอเซียในขณะนั้นต้องการอาคารที่สื่อออกถึงยุคสมัยใหม่และโลกแห่งคอมพิวเตอร์ของธนาคาร ซึ่ง ดร.สุเมธ ได้แรงบันดาลใจมาจากของเล่นของบุตรชาย แต่ ดร.สุเมธเขียนไว้ว่าอาคารของเขา "ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ่นยนต์" และ "พื้นที่ของการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ " ก็เพียงพอแล้วตราบเท่าที่พวกเขาสามารถ "ปลดปล่อยจิตวิญญาณจากความอับจนทางปัญญาในปัจจุบันและขับเคลื่อนไปสู่ศตวรรษหน้า" (หน้าที่ 79 Sumet Jumsai. "Building Study: Bank of Asia, Bangkok.") อาจารย์ ได้เขียนว่าการออกแบบของเขาอาจถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง: แทนที่จะจัดแสดงผลงานภายในของอาคารเขาเลือกที่จะประดับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปด้วยชิ้นส่วนเครื่องจักรกล อาคารของเขา อาจารย์แสดงความขัดแย้งและต่อต้านวิสัยทัศน์ของเครื่องจักรในศตวรรษที่ 20 ในฐานะ "องค์กรที่แยกจากกัน" ซึ่งมักจะ "ยกระดับบนแท่นเพื่อการสักการบูชา" โดยการกลายเป็น "ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเพื่อนตัวเอง" ทำให้ หนทางสำหรับการผสมผสานระหว่างเครื่องจักรและมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ตึกหุ่นยนต์ได้รับเลือกจากพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย นครลอสแอนเจลิส ให้เป็นหนึ่งใน 50 อาคารที่สมบูรณ์แห่งศตวรรษ อาคารยังส่งผลให้ ดร.สุเมธ ได้รับรางวัลจากบัณฑิตยสภาสถาปัตยกรรมและการออกแบบแห่งชิคาโก (Athenaeum Museum of Architecture and Design) ซึ่งเป็นรางวัลที่คนไทยรับเป็นคนแรก นอกจากนั้น หนังสือ Encyclopedia of 20th Century Architecture (Copyright Year 2004) ของนายสตีเฟน เซนนอตต์ ได้ระบุอาคารนี้ว่า "เป็นการยกระดับงานสถาปัตยกรรมไทยให้ได้รับความจดจำไปทั่วโลก" และยังติดหนึ่งใน 24 อันดับ สถาปัตยกรรมที่อัปลักษณ์ที่สุดของโลกเคียงคู่กับ ตึกช้าง วันนี้แม้ความสง่างามได้ถูกบดบังด้วยอาคารอื่นๆ รอบข้าง หรือแม้แต่รถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านหน้าอาคาร แต่อาคารนี้ก็เป็นภาพแห่งความทรงจำของเด็กๆ หลายคน



7 เคล็ดลับในการเตรียมตัวสำหรับการเปิดเทอมวันแรก

วันสำคัญก็มาถึงเมื่อลูกออกจากอ้อมอกพ่อแม่ การออกไปเรียนชั้นอนุบาล หรือเตรียมอนุบาล ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูก อาจเป็นก้าวแรกที่หนูๆ ออกจากบ้านหรือเปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมและเพื่อนใหม่ๆ แม้แต่การไปสู่โปรแกรมเรียนที่คุ้นเคยก็ยังมีความตื่นเต้น ความสุข และความวิตกกังวล ในช่วงอายุ 3 4 และ 5 ปีของการพัฒนา "การเปลี่ยนแปลง" สามารถนำมาซึ่งความรู้สึกและความคิด เด็กบางคนยอมรับและสนุกกับการเปลี่ยนแปลงมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้แต่เด็กที่ "มีประสบการณ์" ส่วนใหญ่จะต้องการความเอาใจใส่เป็นพิเศษในช่วงวันแรกและสัปดาห์แรกของการเข้าเรียน

ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่สามารถทำได้เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกออกไปสู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่

1.หากมีโอกาสเยี่ยมชมโรงเรียนหรือห้องเรียนก่อนวันแรก ครูบางคนเชิญครอบครัวมาเยี่ยมก่อนเวลา ถ้าไม่มีให้เดินทางไปโรงเรียนเพื่อดูอาคารและสนามเด็กเล่น เพื่อให้ลูกๆ มีความคุ้นเคยกับสถานที่

2.อ่านหนังสือนิทานดีๆ เกี่ยวกับการเริ่มเรียน การอ่าน การเล่าเรื่องเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้มีการสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับการไปโรงเรียน

3.ชวนพูดคุยกับบุตรหลานของเราเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับโรงเรียนเพื่อนครูและกิจกรรมใหม่ ๆ เช่น มีของเล่น มีสนามเด็กเล่น มีเพื่อนๆ เป็นต้น

4. ฝึกซ้อม การเรียนรู้วิธีเตรียมตัวให้พร้อมทุกเช้าสำหรับการเดินทางไปโรงเรียนต้องใช้เวลาและฝึกฝน การฝึกก่อนวันแรกจะเป็นประโยชน์ แสร้งทำเป็นว่าเป็นวันเรียนและทำตามขั้นตอนของการตื่นนอนแต่งตัวป้อนอาหารและออกไปที่ประตู ลองใช้แผนภูมิที่สามารถพิมพ์ได้นี้เพื่อช่วยให้บุตรหลานของคุณจดจำสิ่งที่เธอต้องทำ

5.ฝึกทักษะการช่วยเหลือตัวเองเช่นการแต่งกายการ การเปลี่ยนเสื้อผ้า (เวลาเข้าห้องน้ำ) และการล้างมือ ลูกของคุณจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อถูกขอให้ทำสิ่งเหล่านี้ที่โรงเรียน

6.ถามบุตรหลานของคุณว่าต้องการนำขนมชนิดใดไปโรงเรียนด้วย เพื่อให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

7.ไปซื้อของที่โรงเรียน ลองเสื้อผ้าและสินค้าสำหรับเด็ก เสมือนเตรียมไปโรงเรียน เหมือนกับการทำความคุ้นเคยว่าไปโรงเรียนต้องใส่ชุดแบบนี้นะ ไม่เร็วเกินไปที่จะเริ่มพิธีการซื้อชุดนักเรียน หรือกระเป๋าเป้สะพายหลัง ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีราคาแพง แต่ให้มีความรู้สึกว่าหนูโตแล้ว วันหนึ่งหนูไปโรงเรียน