ติวเตอร์ ใน จตุจักร, กรุงเทพมหานคร

ติวเตอร์ ใน จตุจักร, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เรากำลังมองหาติวเตอร์ให้ลูกของเรา ตอนนี้ลูกอยู่ชั้นม. 4 อยากให้เรียนคณิตเพิ่มเติมเพราะลูกอ่อนวิชานี้มาก ๆ เราเลยเข้ามาในเว็บไซต์ของใส่ใจ มีตัวเลือกของติวเตอร์เยอะเลย ได้อ่านประวัติของติวเตอร์หลาย ๆ คน ติวเตอร์แต่ละคนโปรไฟล์ดีมาก ๆ ตอนนี้ลูกเรียนไปแล้ว 3 คลาส ลูกบอกว่าครูสอนสนุก จากที่ไม่เข้าใจวิชาคณิตศาสตร์ ตอนนี้ลูกเริ่มเข้าใจมากขึ้น
Saijai
คณาวุติ ชัยบัณฑิต
3 ปีที่แล้ว
เครียดมากช่วงที่ลูกชายต้องตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ดูเค้าไม่พร้อมเลย ไม่มีทางสอบแข่งกับคนอื่นได้แน่ ๆ ผมเป็นห่วงมาก ๆ จนตัดสินใจจ้างติวเตอร์ส่วนตัวมาสอนที่บ้าน เหมือนสวรรค์มาโปรด ลูกพร้อมขึ้นมาก คนเป็นพ่อก็สบายใจครับ
Saijai
พงษ์เทพ รัตนาพล
3 ปีที่แล้ว
จองติวเตอร์ผ่านเว็บใส่ใจ ได้ติวเตอร์ดีๆ มีคุณภาพ และมีประสบการณ์ แถมราคาจับต้องได้ คุณแม่สบายใจ สบายกระเป๋าค่ะ โชคดีมากๆ ที่มาเจอเว็บนี้
Saijai
สุภาพร บริรักษ์
3 ปีที่แล้ว
เราเรียน BA และต้องเรียน Fundamental of Financial Accounting เพราะเป็นวิชาบังคับของมหาวิทยาลัย แต่เราทำได้ไม่ดีเลย เสิร์จหาติวเตอร์ระดับมหาวิทยาลัยจนเจอเว็บใส่ใจ เลยลองใช้บริการดู เพราะเรทไม่สูงมาก พี่ที่สอนเขามีเทคนิคนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด เรารู้สึกว่าพี่เข้าอธิบายเข้าใจง่ายมาก ไฟนอลที่ผ่านมาเราได้ B+ ดีใจมาก ๆ รู้สึกประทับใจมาก ติวเตอร์สอนดี พี่ติวเตอร์เขาเก่งมาก ๆ ที่สำคัญคือพวกเราเรียนพิเศษกันแบบออนไลน์ด้วยค่ะ
Saijai
อังคณา บุษย์บำเพ็ญ
3 ปีที่แล้ว
พอใจกับระบบการจองของใส่ใจค่ะ หาง่าย จองง่าย ไม่ยุ่งยากค่ะ
Saijai
วรรณิภา บุญมาก
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติวเตอร์

คุณพ่อคุณแม่ควรจ้างติวเตอร์ส่วนตัวมาสอนที่บ้านหรือให้ลูกเรียนตามสถาบันกวดวิชาดีกว่า
ใส่ใจมี 5 ข้อดีของการเรียนพิเศษที่บ้านเพื่อช่วยในการประกอบการตัดสินของพ่อแม่และผู้ปกครองดังนี้ค่ะ

1) การเรียนแบบตัวต่อตัว ติวเตอร์หรือครูผู้สอนสามารถวางแผนการเรียนการสอนและกำหนดจุดมุ่งหมายร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งตัวนักเรียนเอง เพื่อให้การสอนเข้ากันได้ดีกับนักเรียนและดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ของผู้เรียนมากที่สุด
2) การเรียนแบบส่วนตัวเป็นทางเลือกที่ดีเพราะนักเรียนจะมีความกล้าในการตั้งคำถามมากขึ้น ด้านตัวติวเตอร์เองสามารถอธิบายและตอบข้อสงสัยของนักเรียนได้อย่างละเอียดจนกว่าจะเข้าใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวนักเรียนและส่งผลให้นักเรียนนับถือตัวเองมากขึ้นมาก
3) ความสะดวกในการจัดตารางเรียนและประหยัดเวลาในการเดินทาง การสอนแบบส่วนตัวเป็นรูปแบบการสอนที่มีความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายอย่างมาก นักเรียนสามารถจัดตารางเรียนและเลือกสถานที่เรียนให้สอดคล้องกับตารางเรียนที่โรงเรียนหรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ในบางกรณีครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์อาจตกลงกับนักเรียนที่จะทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อความสะดวกของทั้งสองฝ่าย
4) การเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวนั้นนักเรียนจะมีสมาธิและโฟกัสกับเนื้อหามากกว่าการเรียนในกลุ่มใหญ่ ๆ โดยเฉพาะนักเรียนกลุ่มที่เป็นเด็กเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ มักจะพูดคุยกัน และเล่นสนุกกันมากกว่าสนใจบทเรียนตรงหน้า
ดังนั้นหากคุณพ่อและคุณแม่ต้องการหาติวเตอร์ส่วนตัวให้ลูก ๆ นั้น ใส่ใจมีบริการค้นหาติวเตอร์คุณภาพที่ใช้พร้อมรอให้บริการแล้วค่ะ
คุณสมบัติของครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ที่พ่อแม่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจ้าง
มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองจะหาครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ได้ถูกใจ ใส่ใจมี 6 คุณสมบัติที่ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ต้องมี คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองควรรู้ไว้เพื่อค้นหาครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ที่ตรงใจคุณที่สุด

1) ความใส่ใจ หลายท่านอาจค้านว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์คือความรู้และประสบการณ์ ซึ่งมีส่วนถูก แต่ถ้ามองในมุมของนักเรียน นักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านสติปัญญา การคิด การตัดสินใจ และความสามารถในการเรียนรู้ ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ที่ดีต้องมีความเข้าใจในตัวนักเรียน เพื่อหาเทคนิค วางแผนการสอนที่เหมาะสม มีวิธีการสื่อสาร และสามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้อย่างเต็มที่
2) ความรู้ความชำนาญในเนื้อหาที่สอน ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ต้องมีความรู้และความชำนาญในเนื้อหาวิชาที่สอนเป็นอย่างดี ต้องสามารถตอบคำถามและอธิบายในสิ่งที่นักเรียนสงสัยได้
3) ความยืดหยุ่น ในที่นี้หมายถึงครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนเทคนิคการสอนเพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนมากที่สุด
4) ความอดทน ในกรณีที่นักเรียนมีข้อสงสัยในเนื้อหาที่เรียน นักเรียนอาจจะถามคำถามเดิมซ้ำๆ ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ต้องไม่แสดงความรำคาญทั้งน้ำเสียงและท่าทาง
5) เป็นผู้ฟังที่ดี ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ไม่ได้มีหน้าที่แค่ถ่ายทอดความรู้ด้วยการสื่อสารเพียงฝั่งเดียว กระบวนการเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อให้นักเรียนมีโอกาสโต้ตอบ โต้แย้ง และหาข้อสรุปร่วมกัน ดังนั้นหากจะมองหาครูสอนพิเศษสักคนคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมดูคุณสมบัติและทักษะเหล่าของติวเตอร์เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ
จ้างครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์สอนลูกที่บ้านจะช่วยให้ลูกมีผลการเรียนดีขึ้นหรือไม่
การจ้างติวเตอร์ส่วนตัวนั้นจะช่วยทำให้ผลการเรียนของนักเรียนดีขึ้นหรือไม่ วันนี้ใส่ใจมีคำตอบมาให้คุณค่ะ

1) เหตุผลหลัก ๆ ของการเรียนพิเศษคือ นักเรียนอาจจะไม่เข้าใจการเรียนในห้องเรียนจึงตัดสินใจเรียนเสริมเพื่อจะได้เรียนให้ทันเพื่อน ดังนั้นการเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวกับติวเตอร์จะช่วยทำให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนมากขึ้น เมื่อนักเรียนกลับไปเรียนที่โรงเรียน นักเรียนจะเข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์สอนมากขึ้น
2) นักเรียนได้ฝึกทำข้อสอบหรือแบบฝึกหัด และสามารถทำข้อสอบได้เมื่อเรียนที่โรงเรียน เพราะแน่นอนจุดสำคัญที่สุดของการเรียนของเด็กไทยเพื่อให้ได้คะแนนดี ๆ หรือเกรดสวย ๆ นั้นมาจากการทำข้อสอบเป็นหลัก ดังนั้นติวเตอร์จะให้ทริคการทำโจทย์ต่าง ๆ ให้นักเรียนเพื่อให้นักเรียนสามารถเอาไปใช้ในสนามสอบได้
3) ติวเตอร์ส่วนตัวให้ความสนใจนักเรียนแบบใกล้ชิด การเรียนแบบกลุ่มใหญ่ในโรงเรียนคุณครูอาจไม่สามารถให้ความสนใจนักเรียนทุกคนได้ เมื่อนักเรียนมีข้อสงสัย ไม่เข้าใจเนื้อหา และไม่กล้าที่จะยกมือถามครูผู้สอน หากนักเรียนจ้างครูพิเศษมาสอนที่บ้าน นักเรียนสามารถถามหรือพูดคุยกับคุณครูสอนพิเศษได้ตลอด และหากนักเรียนอยากให้คุณครูเน้นเนื้อหาใดเป็นพิเศษก็สามารถบอกคุณครูผู้สอนได้เลย เพื่อที่นักเรียนจะได้เข้าใจวิชานั้น ๆ มากขึ้น

ดังนั้นการเรียนพิเศษนั้นสามารถช่วยให้นักเรียนมีผลการเรียนที่ดีขึ้นแน่นอนค่ะ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับติวเตอร์ก่อนทำการจ้าง?
คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองรวมถึงตัวนักเรียนเองจะได้รับประโยชน์หลายอย่างจากกการจ้างครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ส่วนตัว เช่น สามารถเลือกวันและเวลาเรียนได้ตามความต้องการ สามารถเลือกสถานที่เรียนได้ตามความเหมาะสม และได้ใกล้ชิดกับติวเตอร์มากกว่าเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจจ้างครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองรวมถึงตัวนักเรียนเองควรรูและทำความตกลงอะไรกันบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

1) คุณต้องอ่านประวัติติวเตอร์ให้ดีก่อนทำการจ้าง สถาบันการศึกษา ข้อมูลการติดต่อติวเตอร์ ดูประวัติการทำงาน ประสบการ์ณต่าง ๆ ในการสอน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการจ้าง หากติวเตอร์มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ถือว่าติวเตอร์มีคุณภาพที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้คุณค่ะ
2) ก่อนจะทำการจ้างคุณควรจะสอบถามติวเตอร์ให้แน่ชัดถึงเนื้อหาที่สอน บทเรียนที่ติวเตอร์จะสอนมีอะไรบ้าง หรืออาจจะถามติวเตอร์โดยตรงเลยว่าติวเตอร์จะเน้นบทไหนเป็นพิเศษ อีกทั้งน้อง ๆ ยังสามารถสอบถามถึงสื่อการสอนที่ติวเตอร์เตรียมให้กับผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือมีชีทแจกให้
3) ข้อตกลงเรื่องเวลาและสถานที่ คุณจะต้องคุยกับติวเตอร์ถึงวันเวลาและสถานที่ที่ต้องการเรียนให้ชัดเจน หากคุณสะดวกเรียนที่บ้านของคุณ คุณจะต้องแจ้งกับติวเตอร์โดยตรง หากในกรณีคุณสะดวกเรียนตามที่สาธารณะ เช่น ร้านกาแฟ ห้องสมุด คุณจะต้องแจ้งให้ติวเตอร์ทราบก่อนการเรียนเสมอ อย่างไรก็ดีใส่ใจแนะนำให้น้อง ๆ เลือกสถานที่ที่เหมาะสม หากสถานที่มีเสียงดังและมีคนพลุกพล่าน จะทำให้น้อง ๆ เสียสมาธิในการเรียนได้ค่ะ

หากน้อง ๆ ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว น้อง ๆ สามารถจองติวเตอร์บนเว็บไซต์ใส่ใจได้เลยค่ะ ติวเตอร์คุณภาพรอที่จะถ่ายทอดความรู้ให้น้อง ๆ อยู่ค่ะ

33 จตุจักร

33 จตุจักร

ตัวเลข 33 คือเนื้อที่ของ เขตจตุจักร หนึ่งในห้าสิบเขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร มีประชากรอยู่ประมาณ หนึ่งแสนห้าหมื่นห้าพันคน บนพื้นที่ 33 ตารางกิโลเมตร อาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยกว่าหนึ่งแสนสองพันครัวเรือน ซึ่งเขตจตุจักรนี้ได้ขยายออกมาจากแขวงลาดยาวในปี พ.ศ.2532 เพื่อความสะดวกในการบริหารงานของหน่วยงานราชการและการปกครองท้องถิ่น

แม้มีพื้นที่เล็กเพียงแค่ 33 ตารางกิโลเมตรแต่มีสวนสาธารณะหลักๆ อยู่ถึง 3 แห่ง ได้แก่ สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนวชิรเบญจทัศ หากรวมพื้นที่ของสวนสาธารณะทั้ง 3 สวนเข้าด้วยกันแล้ว จะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่รวมถึง 727 ไร่ ทั้งนี้เมื่อปี พ.ศ.2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกระแสรับสั่งว่าสมควรที่จะรวม 3 สวนให้เป็นสวนเดียวกัน และในปี พ.ศ.2546 และทางกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการปรับปรุงให้ประชาชนได้เข้ามาใช้บริการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย และเป็นสถานที่พักผ่อน เป็นสวนกลางกรุง เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพมหานคร

ในพื้นที่ 33 ตารางกิโลเมตรของเขตจตุจักร เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยถึง 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ตั้งอยู่ในแขวงลาดยาว มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ตั้งอยู่ในแขวงจอมพล มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน ตั้งอยู่ในแขวงเสนานิคม และมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ตั้งอยู่ในแขวงจันทรเกษม เป็นหนึ่งเขตที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน

ในพื้นที่ 33 ตารางกิโลเมตรนี้ ปัจจุบันมี รถไฟฟ้า ผ่านกว่า 12 สถานีและกำลังก่อสร้างอีก สามเส้นทาง (สามสาย) คือ

รถไฟฟ้ามหานคร มี 4 สถานีในสายเฉลิมรัชมงคล คือ สถานีกำแพงเพชร สถานีสวนจตุจักร สถานีพหลโยธิน และสถานีลาดพร้าว

รถไฟฟ้าบีทีเอส มี 8 สถานีในสายสุขุมวิท คือ สถานีหมอชิต สถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีพหลโยธิน 24 สถานีรัชโยธิน สถานีเสนานิคม สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถานีกรมป่าไม้ และ สถานีบางบัว ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของสายสุขุมวิทในปัจจุบัน

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (กำลังก่อสร้าง) รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงเข้ม (กำลังก่อสร้าง) รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน (อยู่ระหว่างการดำเนินงาน)

ในพื้นที่ 33 ตารางกิโลเมตรนี้ มีตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นชื่อที่ทำให้เรารู้จักเขตนี้ นั่นคือตลาดนัดจตุจักร ตลาดนัดในกรุงเทพมหานคร มีจำนวนแผงค้าทั้งหมดมากกว่า 8,000 ร้าน โดยแบ่งออกเป็น 27 โครงการสินค้าและสามารถจัดประเภทได้เป็น 8 ประเภท ซึ่งได้แก่ ประเภทผักและผลไม้ เครื่องแต่งกาย มุมสัตว์เลี้ยง ต้นไม้ที่หลากหลาย อาหารปรุง อาหารสำเร็จรูป อาหารสด และประเภทเบ็ดเตล็ด

ในพื้นที่ 33 ตารางกิโลเมตรของเขตจตุจักร ยังมีอีกหลายเรื่องราว หลายสถานที่ ที่น่าสนใจคอยต้อนรับผู้มาเยือน



เมื่อการเรียนนอกโรงเรียน ถูกให้ความสำคัญ เท่ากับในโรงเรียน

เมื่อการเรียนนอกโรงเรียน ถูกให้ความสำคัญ เท่ากับในโรงเรียน

เมื่อมาถึงวัยหนึ่ง เด็กต้องต่อสู้ทางการศึกษาเพื่อจะได้ที่นั่งในโรงเรียนที่วางแผนไว้ นั้นอาจเป็นความฝันของเด็กเองหรือเป็นความหวังของพ่อแม่ ในทุกๆ ปีการศึกษาจะมีนักเรียนประมาณ 500,000 คน จำนวนนักเรียนเหล่านี้มีส่วนในการขับเคลื่อน อุตสาหกรรม โรงเรียนกวดวิชาที่มี มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท สำหรับประเทศไทยนั้น โรงเรียนกวดวิชาเป็นผลพลอยได้จากการศึกษาในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงขึ้นในทุกๆ ปี หากมองภาพกว้างๆ ของการศึกษา การแข่งขันมีอยู่ในทุกระดับชั้น และการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการสอบคัดเลือก ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเกรดเฉลี่ยของนักเรียนมัธยมปลายคิดเป็น 20% ในขณะที่การสอบมาตรฐานคิดเป็น 80% ที่เหลือ เนื่องจากโครงสร้างการแข่งขันนี้นักเรียนจึงเลือกโปรแกรมของมหาวิทยาลัยโดยพิจารณาจากคะแนน วิชาเอกที่ต้องได้คะแนนสูงสุดคือการแพทย์และวิศวกรรม ส่วนวิชาที่คะแนนต่ำที่สุดคือวิชาการเรียนการสอน การเรียนพิเศษจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้นักเรียนได้รู้แนวข้อสอบใหม่ๆ มากขึ้น ได้มีโอกาสทบทวนบทเรียนที่ตกหล่นจากห้องเรียน ด้วยวิธีที่ผ่านการสรุปมาแล้วและใช้ได้ผลรุ่นแล้ว รุ่นเล่า เพื่อโอกาสในการชิงพื้นที่เข้าไปเรียนในระดับต่อไป

นักเรียนหลายคน ยังคงต้องเดินทางไปโรงเรียนกวดวิชาเพื่อชมบทเรียนที่ถ่ายทำ จากวิดีโอแต่ละรายการมีลิขสิทธิ์ ที่แสดงได้เฉพาะที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งนั้นเท่านั้น และค่าใช้จ่ายของบทเรียนเหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูง เช่น หลักสูตรวิชาเดียวในโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียงอาจมีราคา 3,000 ถึง 8,000 บาท ซึ่งมากกว่าสองถึงสามเท่าของค่าเล่าเรียนสำหรับทั้งภาคการศึกษาในโรงเรียนของรัฐทั่วไป การจ้างติวเตอร์ตัวต่อตัวมาสอนเองเลยก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ทั้งลดความตึงเครียดจากความรู้สึกแปลกแยก อีกทั้งยังสามารถกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนของผู้เรียนได้ และสามารถเลือกครูที่สามารถสื่อสารเข้าใจกับเราได้

สุดท้ายการเรียนพิเศษนั้น ไม่ได้เป็นเพียงค่านิยม การเรียนพิเศษจะมีประโยชน์ แก้ไขข้อที่ไม่เข้าใจ ทำให้นักเรียนไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ได้ เป็นการสร้างลักษณะนิสัยให้รู้จักขวนขวายหาความรู้เพื่อให้ได้ความรู้ให้เพียงพอ ที่จะทำให้เราผ่านการทดสอบในทุกๆ ระดับชั้น การวางแผนทั้งวิชา และวิธีการที่จะเรียนและงบประมาณค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้ง เพราะการลงทุนเพื่อการศึกษา คือการลงทุนที่ มีเป้าหมายเพื่ออนาคตของเราเอง



ลูกเราพร้อมไปโรงเรียนหรือยัง

ลูกเราพร้อมไปโรงเรียนหรือยัง

การเริ่มเข้าโรงเรียนถือเป็นก้าวสำคัญ เป็นการเริ่มต้นก้าวออกไปสู่โลกกว้างของลูก และอาจกล่าวได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพ่อแม่และบุตรหลานของเรา ว่าแต่พวกเขาพร้อมหรือยัง แล้วเราจะช่วยให้พวกเขาเตรียมพร้อมมากขึ้นได้อย่างไร เราได้รับคำแนะนำจากคุณแม่ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน พร้อมคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากนักจิตวิทยาการศึกษา

มีสัญญาณอะไร หรือลูกต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรที่จะก้าวออกจากพ่อแม่แล้วไปใช้ชีวิตกับเพื่อนและคุณครู

แรกเริ่มเลย ลูกอาจจะลังเลที่จะก้าวเดินออกไปหาเพื่อน แต่ด้วยสัญชาตญาณ หรือความต้องการมีเพื่อนเล่น ลูกจะสามารถเข้าหาเพื่อน และนี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาพร้อมแล้ว คุณแม่ท่านหนึ่งกล่าวว่า “เราน่าจะรู้ว่าลูกของเราพร้อมที่จะสนุกกับโรงเรียนหรือไม่” “เพราะพวกเขาจะมีความสุขในการผูกมิตรกับเด็กคนอื่น ๆ และเป็นอิสระมากขึ้น ตื่นเต้นกับการเรียนรู้และอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกใบนี้ เด็กที่พร้อมทางอารมณ์คือคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่และเด็กนั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถ: รับฟังผู้อื่น สังเกตคนอื่น ๆ แบ่งปันกับผู้อื่น (อย่างน้อยก็บางครั้ง!) และ เล่นกับคนอื่น ๆ”

เวลาเข้าสังคมกับเพื่อนๆ หรือมีผู้ใหญ่มาทักทาย ลองสังเกตดูว่า ลูกของเรามีความมั่นใจในการพูดคุยกับผู้ใหญ่หรือไม่ สามารถบอกผู้ใหญ่ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรโดยร้องขอสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ใหญ่ได้หรือไม่ เพราะเมื่อไม่มีพ่อแม่แล้วผู้ช่วยลูกที่ใกล้ที่สุดคือคุณครู การขอความช่วยเหลือง่ายๆ หรือทำตามคำสั่งง่ายๆ ได้ก็ลดความกังวลของพ่อแม่ลงไปได้

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรกังวลว่าลูกจะสามารถจดจำหรือสร้างตัวอักษรได้ เพราะเบื้องต้นแล้ว การสื่อสารจะมาพร้อมๆ กับ ความสนุกสนานกับเรื่องราวที่คุณครูเล่าให้ฟัง เรียนรู้วิธีถือหนังสือ มีการพูดคุยเกี่ยวกับภาพที่เห็น เพราะจะนำไปสู่การแสดงความคิด ซึ่งอาจเป็นความคิดในอดีต (เรื่องราวที่เคยพบเห็น เคยฟัง) ปัจจุบัน (สิ่งที่เป็นอยู่) และอนาคต (จินตนาการ) จากนั้น เมื่ออยู่ในสังคม การฟังและสนใจในสิ่งที่คนอื่นพูด ก็เป็นการฝึกการปรับตัว เมื่อกลับมาบ้าน พ่อแม่อาจจะได้ยินคำว่า “เพื่อนเล่าว่า” การถือแปรงทาสี ดินสอและดินสอสีเป็นส่วนหนึ่งของการต้อนรับเข้าสู่ระดับ อนุบาล และพร้อมกับทักษะใหม่ ๆ ในการจัดการสิ่งของและเครื่องมือขนาดเล็กเช่นกรรไกร หรือ ดินน้ำมัน”

มีคำกล่าวอยู่ว่า “เด็กสองคนไม่เหมือนกัน” – หมายถึงเด็กแต่ละคนมีการพัฒนาในอัตราที่แตกต่างกัน หากพ่อแม่มีความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมในการเรียนของบุตรหลานโปรดขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ คุณครูที่มีประสบการณ์ ค่อยๆ ให้ลูกปรับตัว แล้วทุกๆ วันก็จะเป็นความสนุก ความสุขของลูกๆ