ติวเตอร์ ใน พระโขนง, กรุงเทพมหานคร

ติวเตอร์ ใน พระโขนง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เรียนในห้องเรียนไม่เข้าใจเพราะครูสอนเร็วบวกกับเด็กในห้องเรียนเยอะทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียน เลยลองจ้างติวเตอร์จากเวปใส่ใจ ติวเตอร์สอนดีมาก ๆ สอนสนุกด้วย ติวเตอร์ให้ความสนใจกับเรามาก ๆ เวลาเราไม่เข้าใจ ติวเตอร์เปิดโอกาสให้ถามได้ตลอด
Saijai
ปริญ กาญจนวานิช
3 ปีที่แล้ว
การจ้างติวเตอร์ส่วนตัวอาจจะแพงกว่าให้ลูกเรียนที่โรงแรียนกวดวิชาไปหน่อย แต่ผลลัพท์ออกมาดีมาก ลูกได้เรียนอย่างเต็มที่ ผลการเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้หชัด ถือว่าค้มค่ะ คุณแม่อย่างเราพร้อมที่จะลงทุนเพื่อสิ่งที่ดีของลูกเสมอค่ะ
Saijai
ธิดาพร หวังนุรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ตอนนี้ลูกผมอยู่ป.6 ผมก็ไม่ทราบว่าระบบเค้าเป็นยังไง เลยให้ลูกเรียนกับติวเตอร์แบบเข้มข้น เหนื่อยมากครับ ถ้ามาอัดทีหลัง โชคดีที่ติวเตอร์ ดูแลดี สอนดีกระชับ และเน้นแนวสอบบดินทร ผมต้องปรึกษาติวเตอร์ตลอดให้คำแนะนำดี เหมือนทำงานเป็นทีมเดียวกัน ติวเตอร์ ลูก และคุณพ่อ มีแผนมีเป้าหมายดีเลยครับ คิดว่ามีเวลาอีก 4 เดือนลูกทำได้แน่นอน ขอบคุณครับ ใส่ใจทีม
Saijai
เนติภล ชอบจินดา
3 ปีที่แล้ว
คุณพ่อ คุณแม่จะเข้าใจค่ะ ช่วงที่ลูกต้องติวหนังสือเตรียมสอบ ปวดหัวไปหมด กลัวลูกสอบไม่ติด จะให้ลูกติวที่ไหนดี มีตัวเลือกมากมายแต่ไม่รู้จะเรียนที่ไหน มาเจอที่นี่ หาติวเตอร์ง่ายมาก ได้ติวเตอร์ถูกใจ ในราคาสบายกระเป๋า รับรองว่าจะแนะนำเพื่อน ๆ มาใช้บริการที่นี่อีกแน่นอนค่ะ
Saijai
ธนพร กุลวานิช
3 ปีที่แล้ว
พอใจกับระบบการจองของใส่ใจค่ะ หาง่าย จองง่าย ไม่ยุ่งยากค่ะ
Saijai
วรรณิภา บุญมาก
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติวเตอร์

คุณพ่อคุณแม่ควรจ้างติวเตอร์ส่วนตัวมาสอนที่บ้านหรือให้ลูกเรียนตามสถาบันกวดวิชาดีกว่า
ใส่ใจมี 5 ข้อดีของการเรียนพิเศษที่บ้านเพื่อช่วยในการประกอบการตัดสินของพ่อแม่และผู้ปกครองดังนี้ค่ะ

1) การเรียนแบบตัวต่อตัว ติวเตอร์หรือครูผู้สอนสามารถวางแผนการเรียนการสอนและกำหนดจุดมุ่งหมายร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งตัวนักเรียนเอง เพื่อให้การสอนเข้ากันได้ดีกับนักเรียนและดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ของผู้เรียนมากที่สุด
2) การเรียนแบบส่วนตัวเป็นทางเลือกที่ดีเพราะนักเรียนจะมีความกล้าในการตั้งคำถามมากขึ้น ด้านตัวติวเตอร์เองสามารถอธิบายและตอบข้อสงสัยของนักเรียนได้อย่างละเอียดจนกว่าจะเข้าใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวนักเรียนและส่งผลให้นักเรียนนับถือตัวเองมากขึ้นมาก
3) ความสะดวกในการจัดตารางเรียนและประหยัดเวลาในการเดินทาง การสอนแบบส่วนตัวเป็นรูปแบบการสอนที่มีความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายอย่างมาก นักเรียนสามารถจัดตารางเรียนและเลือกสถานที่เรียนให้สอดคล้องกับตารางเรียนที่โรงเรียนหรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ในบางกรณีครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์อาจตกลงกับนักเรียนที่จะทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อความสะดวกของทั้งสองฝ่าย
4) การเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวนั้นนักเรียนจะมีสมาธิและโฟกัสกับเนื้อหามากกว่าการเรียนในกลุ่มใหญ่ ๆ โดยเฉพาะนักเรียนกลุ่มที่เป็นเด็กเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ มักจะพูดคุยกัน และเล่นสนุกกันมากกว่าสนใจบทเรียนตรงหน้า
ดังนั้นหากคุณพ่อและคุณแม่ต้องการหาติวเตอร์ส่วนตัวให้ลูก ๆ นั้น ใส่ใจมีบริการค้นหาติวเตอร์คุณภาพที่ใช้พร้อมรอให้บริการแล้วค่ะ
คุณสมบัติของครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ที่พ่อแม่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจ้าง
มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองจะหาครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ได้ถูกใจ ใส่ใจมี 6 คุณสมบัติที่ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ต้องมี คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองควรรู้ไว้เพื่อค้นหาครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ที่ตรงใจคุณที่สุด

1) ความใส่ใจ หลายท่านอาจค้านว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์คือความรู้และประสบการณ์ ซึ่งมีส่วนถูก แต่ถ้ามองในมุมของนักเรียน นักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านสติปัญญา การคิด การตัดสินใจ และความสามารถในการเรียนรู้ ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ที่ดีต้องมีความเข้าใจในตัวนักเรียน เพื่อหาเทคนิค วางแผนการสอนที่เหมาะสม มีวิธีการสื่อสาร และสามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้อย่างเต็มที่
2) ความรู้ความชำนาญในเนื้อหาที่สอน ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ต้องมีความรู้และความชำนาญในเนื้อหาวิชาที่สอนเป็นอย่างดี ต้องสามารถตอบคำถามและอธิบายในสิ่งที่นักเรียนสงสัยได้
3) ความยืดหยุ่น ในที่นี้หมายถึงครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนเทคนิคการสอนเพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนมากที่สุด
4) ความอดทน ในกรณีที่นักเรียนมีข้อสงสัยในเนื้อหาที่เรียน นักเรียนอาจจะถามคำถามเดิมซ้ำๆ ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ต้องไม่แสดงความรำคาญทั้งน้ำเสียงและท่าทาง
5) เป็นผู้ฟังที่ดี ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ไม่ได้มีหน้าที่แค่ถ่ายทอดความรู้ด้วยการสื่อสารเพียงฝั่งเดียว กระบวนการเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อให้นักเรียนมีโอกาสโต้ตอบ โต้แย้ง และหาข้อสรุปร่วมกัน ดังนั้นหากจะมองหาครูสอนพิเศษสักคนคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมดูคุณสมบัติและทักษะเหล่าของติวเตอร์เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ
ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ส่วนตัวช่วยให้เด็กมีผลการเรียนดีขึ้นจริงหรือไม่
เรียนพิเศษตัวต่อตัวช่วยให้นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นได้อย่างไร ใส่ใจมีคำตอบมาให้คุณค่ะ

• ติวเตอร์ส่วนตัวให้ความสนใจนักเรียนแบบใกล้ชิด เพราะการเรียนแบบกลุ่มใหญ่ ในโรงเรียนนั้นคุณครูไม่สามารถให้ความสนใจนักเรียนได้ทั่วถึง ส่วนตัวนักเรียนเองเมื่อมีข้อสงสัยอาจจะไม่กล้าถามเพราะกลัวเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ ล้อเลียนว่าเรียนไม่เก่งหรือเรียนไม่รู้เรื่อง ทำให้ต้องปล่อยความสงสัยนั้นไป แต่การเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว นักเรียนมีความกล้าที่จะถามหรือและขอครูอธิบายซ้ำจนกว่าจะเข้าใจ เพราะไม่ต้องกลัวว่าใครจะจับตามองหรือตัดสินว่าตัวเองไม่ฉลาด
• นักเรียนมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น เพราะการเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อมีสิ่งรบกวนเช่น เพื่อนพูดคุยกันหรือแอบกินขนมในห้องเรียน นักเรียนจะหลุดโฟกัสจากเนื้อหาได้ง่าย เพราะสมาธิถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อมีสมาธินักเรียนจะเข้าใจเนื้อบทเรียนหาตรงหน้าได้มากขึ้น เมื่อเข้าใจในเนื้อหาบทเรียนการทำข้อสอบจะไม่ใช่เรื่องยากและทำให้ผลการเรียนดียิ่งขึ้น
• นักเรียนสามารถนำสิ่งที่ติวเตอร์ส่วนตัวสอนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างเช่น เทคนิคต่าง ๆ ในการทำข้อสอบ วิธีการจำที่ดี ติวเตอร์ส่วนตัวสามารถถ่ายทอดความรู้นั้นให้เด็กนักเรียนได้โดยตรงเพื่อที่นักเรียนจะนำไปใช้เพื่อให้การเรียนของนักเรียนนั้นดีขึ้น
พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับติวเตอร์ก่อนทำการจ้าง?
คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองรวมถึงตัวนักเรียนเองจะได้รับประโยชน์หลายอย่างจากกการจ้างครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ส่วนตัว เช่น สามารถเลือกวันและเวลาเรียนได้ตามความต้องการ สามารถเลือกสถานที่เรียนได้ตามความเหมาะสม และได้ใกล้ชิดกับติวเตอร์มากกว่าเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจจ้างครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองรวมถึงตัวนักเรียนเองควรรูและทำความตกลงอะไรกันบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

1) คุณต้องอ่านประวัติติวเตอร์ให้ดีก่อนทำการจ้าง สถาบันการศึกษา ข้อมูลการติดต่อติวเตอร์ ดูประวัติการทำงาน ประสบการ์ณต่าง ๆ ในการสอน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการจ้าง หากติวเตอร์มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ถือว่าติวเตอร์มีคุณภาพที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้คุณค่ะ
2) ก่อนจะทำการจ้างคุณควรจะสอบถามติวเตอร์ให้แน่ชัดถึงเนื้อหาที่สอน บทเรียนที่ติวเตอร์จะสอนมีอะไรบ้าง หรืออาจจะถามติวเตอร์โดยตรงเลยว่าติวเตอร์จะเน้นบทไหนเป็นพิเศษ อีกทั้งน้อง ๆ ยังสามารถสอบถามถึงสื่อการสอนที่ติวเตอร์เตรียมให้กับผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือมีชีทแจกให้
3) ข้อตกลงเรื่องเวลาและสถานที่ คุณจะต้องคุยกับติวเตอร์ถึงวันเวลาและสถานที่ที่ต้องการเรียนให้ชัดเจน หากคุณสะดวกเรียนที่บ้านของคุณ คุณจะต้องแจ้งกับติวเตอร์โดยตรง หากในกรณีคุณสะดวกเรียนตามที่สาธารณะ เช่น ร้านกาแฟ ห้องสมุด คุณจะต้องแจ้งให้ติวเตอร์ทราบก่อนการเรียนเสมอ อย่างไรก็ดีใส่ใจแนะนำให้น้อง ๆ เลือกสถานที่ที่เหมาะสม หากสถานที่มีเสียงดังและมีคนพลุกพล่าน จะทำให้น้อง ๆ เสียสมาธิในการเรียนได้ค่ะ

หากน้อง ๆ ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว น้อง ๆ สามารถจองติวเตอร์บนเว็บไซต์ใส่ใจได้เลยค่ะ ติวเตอร์คุณภาพรอที่จะถ่ายทอดความรู้ให้น้อง ๆ อยู่ค่ะ

ประวัติเขตพระโขนง

เขตพระโขนง แต่เดิมคือ อำเภอพระโขนง เป็นเขตการปกครองของเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในสมัยแรกตั้งที่ว่าการอำเภออยู่ที่สามแยกวัดมหาบุศย์โดยแบ่งท้องที่การปกครองออกเป็น 12 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองเตย ตำบลคลองตัน ตำบลพระโขนง ตำบลสวนหลวง ตำบลศีรษะป่า (หัวป่า) ตำบลคลองประเวศ ตำบลทุ่งดอกไม้ ตำบลหนองบอน ตำบลบางจาก ตำบลบางนา ตำบลสำโรง และตำบลบางแก้ว จากนั้นจึงย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งที่วัดสะพาน ริมทางรถไฟสายปากน้ำ เมื่อปี พ.ศ. 2459 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2470 ทางราชการได้โอนอำเภอพระโขนงมาขึ้นกับจังหวัดพระนครเพื่อความสะดวกในการปกครองก่อนที่จังหวัดพระประแดงจะถูกยุบและแยกพื้นที่ไปรวมกับจังหวัดธนบุรีและจังหวัดสมุทรปราการ 5 ปี

เนื่องจากท้องที่อำเภอพระโขนงเริ่มมีสภาพที่หนาแน่นขึ้นด้วยย่านการค้า อุตสาหกรรม และประชากรเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2479 ทางราชการจึงได้ตั้งเทศบาลนครกรุงเทพโดยโอนพื้นที่บางส่วนของตำบลคลองเตยเข้าไปในท้องที่และได้ขยายเขตเทศบาลออกไปครอบคลุมตำบลอื่น ๆ เกือบทั้งหมดในอำเภอภายในปี พ.ศ. 2507 ในช่วงนี้ที่ว่าการอำเภอพระโขนงได้ย้ายจากวัดสะพานมาตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทช

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2514 จังหวัดพระนครถูกรวมเข้ากับจังหวัดธนบุรี เปลี่ยนฐานะเป็นนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และในปี พ.ศ. 2515 จึงเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ยกเลิกการปกครองท้องถิ่นแบบเทศบาลและสุขาภิบาลรวมทั้งเปลี่ยนการเรียกหน่วยการปกครองใหม่จากอำเภอและตำบลเป็นเขตและแขวงด้วย อำเภอพระโขนงจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็น เขตพระโขนง ภายหลัง เขตพระโขนง มีความเจริญและมีประชากรหนาแน่นขึ้น ในปี พ.ศ. 2532 กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งสำนักงานเขตสาขาของเขตพระโขนงขึ้น 3 แห่งเพื่อดูแลท้องที่ต่างๆเพื่อให้การปกครองและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและในปีเดียวกันกระทรวงมหาดไทยก็ได้ยกฐานะท้องที่ของสำนักงานเขตพระโขนง สาขา 1 และสำนักงานเขตพระโขนง สาขา 2 เป็นเขตคลองเตยและเขตประเวศตามลำดับ

ปี พ.ศ. 2541 มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตพระโขนงอีกครั้ง โดยแขวงบางนาและบางส่วนของแขวงบางจากได้รับการยกฐานะเป็นเขตบางนา ท้องที่เขตพระโขนงจึงเหลือแขวงบางจากอยู่เพียงแขวงเดียว



การคมนาคมในย่านพระโขนงจากอดีตถึงปัจจุบัน

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักชื่อ พระโขนง จากหนังหรือละครยอดฮิตเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ที่กล่าวถึงความรักลึกซึ้งที่แม่นาคมีให้แก่พี่นาคผู้เป็นสามี และนิยายเรื่องนี้ยังทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวพระโขนงในสมัยก่อนที่เดินทางโดยเรือเป็นหลัก ในปัจจุบันย่านพระโขนงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากทั้งด้านคมนาคมที่มีรถไฟฟ้า BTS เข้ามาแทนที่การเดินทางโดยทางเรือแบบและยังมีการเดินทางโดยรถส่วนตัวหรือรถโดยสารประจำทางเพิ่มมากขึ้น ถือว่าเป็นอีกย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มีปัญหาในด้านการจราจรติดขัด

พระโขนง เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนหลังจากมีการตัดถนน และเริ่มมีรถบริการสาธารณะผ่านเข้าไปในชุมชน จึงเป็นย่านที่มีนักลงทุนเข้าไปจับจองพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์เป็นจำนวนมาก มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในย่าน พระโขนง แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น ห้างไทยไดมารู และมีโรงภาพยนตร์สมัยใหม่ที่เรียกว่า สแตนด์อโลน กลายเป็นแหล่งดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นและคนยุคใหม่ให้เข้าไปเที่ยวและย้ายไปอยู่อาศัยใน พระโขนง เพิ่มมากขึ้นทุกปีๆ

แต่ความเปลี่ยนแปลงของเมือง อิทธิพลด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย การลงทุนใหม่ๆ ห้างใหม่ๆ ที่กระจายเข้าสู่ในหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจห้างและโรงหนัง ทำให้ความนิยมที่มีต่อย่าน พระโขนง ลดลงไปพอสมควร ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ จึงทำให้ห้างสรรพสินค้าและโรงภาพยนตร์ในย่านพระโขนงทยอยปิดตัวลงไปหลายแห่ง

ขณะที่ชุมชนในย่านพระโขนงยังคงขยายตัว แต่ต้องยอมรับว่าย่านพระโขนงแทบไม่มีโครงการเชิงพาณิชย์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมายาวนาน จนกระทั่งเมื่อรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวผ่านเส้นสุขุมวิท ผ่านย่านพระโขนง ก็ทำให้ย่านพระโขนงกลับมาคึกคักอีกครั้ง



เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้เก่ง

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลก ดังนั้นภาษาอังกฤษดีช่วยได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องงานในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเรียนต่อต่างประเทศหรือความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ต้องใช้ความรู้ภาษาอังกฤษก็ตาม ดังนั้น ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ ต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาดูวิธีกันค่ะ

- ฝึกบ่อยๆ พูดบ่อยๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองและอย่ากลัวหากว่าเราจะพูดภาษาอังกฤษที่ผิดและไม่ถูกไวยากรณ์ไปบ้าง แต่การฝึกพูดจะเป็นการพัฒนาทักษะขั้นพื้นฐานในการใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี และถ้าอยากพัฒนาเร็วขึ้น ลองจับคู่หรือหากลุ่มที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกพูดคุยภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เพื่อจะได้ลองฟัง พูด อ่าน และคิดเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย

- อย่ากลัวที่จะลองใช้ภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้ งานสัมมนา ระหว่างการเดินทาง หรือท่องเที่ยว เพราะการที่เราได้คุยกับคนจริงๆ จะทำให้เรารู้ถึงข้อบกพร่อง และเจ้าของภาษาอาจจะช่วยแก้ไขจุดที่ผิดพลาดของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

- การเรียนภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ในตำราเท่านั้น แต่สามารถศึกษาได้จากทาง อินเทอร์เน็ต, เพลง, ภาพยนตร์, หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะมีเนื้อหาที่หลากหลายและใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคที่พบได้ในชีวิตประจำวัน

- มีวินัยในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะการเรียนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเท จำไว้เสมอว่าการฝึกฝนสั้นๆ แต่สม่ำเสมอจะได้ผลดีในการเรียนรู้และจดจำภาษาอังกฤษมากกว่าการเรียนครั้งละนานๆ และไม่ต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการฝึกภาษาอังกฤษ เพียงแค่ใช้เวลาวันละไม่กี่นาทีฝึกฝนด้วยวิธีที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ, ฟังเพลง หรือทำแบบฝึกหัด ก็เพียงพอต่อการเรียนรู้และพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณได้แล้ว