ดูแลเด็ก ใน คันนายาว, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน คันนายาว, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 39 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ฉันทนา สิทธิ
ฉันทนา สิทธิ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 46 ปี

เป็นคนง่ายๆรักเด็กใจเย็นไม่เคยโกรธหรือโมโหอะไรง่ายๆนอนน้อยทําได้หมดแต่ไม่ชอบจู้จี้

แสดงเพิ่มเติม
	ปรีชญา ขัดเรือน
ปรีชญา ขัดเรือน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 50 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 31 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 48 ปี

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
5 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถว สุขุมวิท71 ลองใช้เว็บใส่ใจครั้งแรก เพราะเพื่อนๆ แนะนำมา อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก มองหามาหลายที่ ที่นี่รายละเอียดครบ ราคาชัดเจน โทรปรึกษาพนักงานก็อธิบายเข้าใจง่ายมาก สะดวกสบาย ง่ายกว่า search หาเองใน Google ชอบมากๆ ค่ะ
Saijai
นงคราญ แซ่ตั้ง
5 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
5 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
5 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
5 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยควรเลือกใช้บริการการเลี้ยงเด็กแบบใด พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว หรือเนอสเซอรี่
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก วันนี้เรามาดูข้อดีขอเสียของพี่เลี้ยงเด็กกันค่ะ ทำไมต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก

1) พี่เลี้ยงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากคุณไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยเนื่องจากต้องทำงานนั้น พี่เลี้ยงเด็กคือทางออกของคุณค่ะ
2) หากคุณเลือกพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกของคุณได้ค่ะ
3) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณแบบใกล้ชิดมากกว่าส่งลูกเข้าศูนย์เลี้ยงเด็ก เพราะศูนย์เลี้ยงเด็กนั้นไม่สามารถดูแลเด็ก ๆ แบบใกล้ชิดได้
4) พี่เลี้ยงสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของคุณได้
5) คุณไม่ต้องเสียเวลาไปรับไปส่งลูกน้อยที่ศูนย์หากคุณจ้างพี่เลี้ยงมาที่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณ
6) ลูกของคุณจะไม่ป่วยบ่อยเหมือนเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากกว่า20คน อาจจะเกิดความเสี่ยงติดโรคจากเพื่อน ๆ ได้
7) พี่เลี้ยงสามารถอยู่ดูแลลูกของคุณและเฝ้าบ้านของคุณได้หากในกรณีคุณกลับบ้านดึก
8) คุณสามารถบอกพี่เลี้ยงเด็กได้หากคุณต้องการให้พี่เลี้ยงมุ่งเน้นพัฒนาการของลูกคุณในด้านไหนเพราะพี่เลี้ยงของคุณจะดูแลเด็กแบบใกล้ชิด และมุ่งเน้นความสนใจให้ลูกของคุณ ต่างจากเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่ต้องเฉลี่ยดูแลอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของพี่เลี้ยงเด็ก

1) ลูกของคุณอาจจะติดพี่เลี้ยงมากเกินไป
2) ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับศูนย์เลี้ยงเด็ก
3) คุณอาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว

อย่างไรก็ดีข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณไปได้เยอะเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคน ใส่ใจมีบริการด้านนี้ค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

พาลูกเที่ยว สยามอเมซิ่งพาร์ค สวนสยามทะเลกรุง

ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะยังคิดไม่ออกว่าจะพาลูกไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดหรือช่วงปิดเทอม เด็กๆ หลายคนอยากเที่ยวทะเล ถ้าอยากเที่ยวทะเลไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด อยู่ในกรุงเทพก็สามารถเที่ยวทะเลพร้อมกับสวนสนุกในที่เดียวกันได้ รู้หรือไม่ในกรุงเทพก็มีทะเลเหมือนกัน หากต้องการไปทะเลแบบธรรมชาติให้นึกถึง บางขุนเทียน แต่ถ้าต้องการทะเลเทียมให้นึกถึง สยามอะเมซซิ่งพาร์ค หรือคุ้นกันในชื่อเดิมว่า “สวนสยาม” ตั้งอยู่ในเขตคันนายาว ที่เป็นทั้งสวนสนุก ศูนย์การค้าและสวนน้ำ จากเดิมมีแค่ส่วนน้ำ ภายหลังเริ่มมีเครื่องเล่นมากมายจนกลายเป็นทั้งสวนน้ำและสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว จุดเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้นทะเลเทียมขนาดใหญ่ที่ สุดในโลกคืออย่างทะเลกรุงเทพ

แบ่งพื้นที่ทั้งหมดออกเป็น 6 โซน คือ

1. Water World ทะเลเทียมใจกลางกรุงที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีทั้ง ทะเลเทียม สไลเดอร์ยักษ์สายรุ้ง 7 สี วาฬเหาะ มินิสไลด์ โดยโซนนี้จะให้บรรยากาศผ่อนคลายสบายๆสไตล์วันหยุดพักผ่อน ให้ฟีลเหมือนอยู่ต่างจังหวัด เป็นทะเลเทียมที่ให้ความรู้สึกเหมือนทะเลจริงมีคลื่นซัดหาดทรายจริง ถือได้ว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของสวนสยามเลยก็ว่าได้

2. Extreme World สายโหด สายเอ็กซ์ตรีม ห้ามพลาด สำหรับผู้เล่นที่ชอบความท้าทายกับเครื่องเล่นใหญ่ยักษ์ที่มาพร้อมความหวาดเสียว ไร้ขีดจำกัดประกอบไปด้วยซุปเปอร์เกลียวเหาะมหาสมุทรแมงมุมยักษ์ กระเช้าสายรุ้ง ยักษ์ตกตึก เป็นต้น

3. Adventure World พื้นที่ผจญภัย ประกอบไปด้วยเครื่องเล่นผจญภัยหลากหลายชนิด ตะลุยไปในดินแดนไดโนเสาร์และเครื่องเล่นแฟนตาซีสุดสนุก

4. Family World ประกอบไปด้วยเครื่องเล่นที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นทั้งท่องป่าแอฟริกา ไม่ต้องไปไกลถึงแอฟริกาก็เจอคิงคองและไดโนเสาร์ได้ อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์โนโธเปีย ที่เด็กหลายคนตื่นตาตื่นใจและพร้อมเรียนรู้ไปกับโลกยุคไดโนเสาร์ รถไฟไฟแกรนด์ แคนย่อน ที่ไม่ตีลังกา เด็กส่วนสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไปก็สามารถเล่นได้

5. Small World ประกอบไปด้วยเครื่องเล่นมากมายเช่น ม้าหมุนเล็ก มอเตอร์ไซต์เล็ก และเรือหมุนเป็นต้น เหมาะสำหรับเด็กเล็ก

6. Bangkok World สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่มีการนำสถาปัตยกรรมกรุงรัตนโกสินทร์มาปรับใช้เช่น ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเฉลิมกรุงเยาวราชไชน่าทาวน์เป็นต้น เด็กที่มีส่วนสูงไม่ถึง 130 เซนติเมตรจะไม่สามารถเล่น X-Zone และ Fantasy Zone ได้ ยกเว้นเครื่องเล่นบางชนิดเท่านั้น



วัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนต้องได้รับ

เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับภูมิต้านทานที่ได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และจากน้ำนมแม่ ภูมิต้านทานเหล่านี้จะอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น การฉีดวัคซีนจึงเป็นการช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ลูกในระยะยาวและสามารถทำลายเชื้อโรคนั้นได้ โดยวัคซีนพื้นฐาน ที่เด็กๆ ทุกคนต้องได้รับตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ได้แก่ วัคซีนป้องกันวัณโรค วัคซีนตับอักเสบบี วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ฮิป โปลิโอ วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อเอชพีวี ส่วนวัคซีนเสริม หมายถึง วัคซีนที่มีประโยชน์ในการป้องกันโรคเพิ่มเติมจากวัคซีนพื้นฐาน แต่ยังไม่มีความสำคัญด้านสาธารณสุข เช่น วัคซีนไวรัสโรต้า วัคซีนตับอักเสบเอ วัคซีนอีสุกอีใส เป็นต้น ซึ่งการกำหนดช่วงเวลา ฉีดวัคซีนของเด็ก จะแบ่งฉีดตามช่วงวัย และควรฉีดตามกำหนดอย่างครบถ้วนทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพของเด็กและลดการแพร่ระบาดของโรคในชุมชน กำหนดการฉีดวัคซีนของเด็กแบ่งออกได้ตามช่วงอายุ ในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ปี จำเป็นต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้

วัคซีนทารกแรกเกิด

1. วัคซีนป้องกันวัณโรค

2. วัคซีนตับอักเสบบี เข็มที่ 1

วัคซีนเด็กช่วงอายุ 1 เดือน

1.วัคซีนตับอักเสบบี เข็มที่ 2

วัคซีนเด็กช่วงอายุ 2 เดือน และ 4 เดือน

1.วัคซีนรวม 5 โรค (วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-วัคซีนโปลิโอ-วัคซีนฮิป)

2.วัคซีน ป้องกันโรคปอดบวม เข็มที่ 1(สำหรับอายุ 2 เดือน), เข็มที่ 2 (สำหรับอายุ 4 เดือน)

3.วัคซีน ป้องกันโรคท้องร่วงหยอดเข้าที่ปาก ครั้งที่ 1(สำหรับอายุ 2 เดือน), ครั้งที่ 2 (สำหรับอายุ 4 เดือน)

วัคซีนเด็กช่วงอายุ 6 เดือน

1.วัคซีนรวม 6 โรค วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-วัคซีนโปลิโอ-วัคซีนฮิป-วัคซีนตับอักเสบบี เข็มที่ 3

2.วัคซีน ป้องกันโรคปอดบวม เข็มที่ 3

3.วัคซีน ป้องกันโรคท้องร่วง ครั้งที่ 3

วัคซีนเด็กช่วงอายุ 9-12 เดือน

1.วัคซีนป้องกันหัด หัดเยอรมันและคางทูม เข็มที่ 1

2.วัคซีน ป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี เข็มที่ 1

3.วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เข็มที่ 1 โดยฉีด 2 เข็มห่างกัน1 เดือน

หากผู้ปกครองไม่สามารถนำเด็กไปฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลาเดิมจากเหตุจำเป็นบางประการ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้รีบพาเด็กไปฉีดวัคซีนใหม่โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่สามารถนับต่อไปได้เลยหากละเลยจนทำให้เด็กได้รับวัคซีนไม่ครบอาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ที่มา : ลูกรักแข็งแรงด้วยการฉีดวัคซีนครบถ้วนตามวัย



โควิด-19 ในเด็กอันตรายมากแค่ไหนกัน

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้หลายๆ คนเกิดความวิตกกังวล ยิ่งในครอบครัวที่มีเด็ก ผู้ปกครองยิ่งมีความกังวลมากขึ้น เนื่องจากการดูแลเด็กนั้นมีความละเอียดอ่อน และต้องให้ความเข้าใจกับเด็กในการป้องกันตัวเองมากยิ่งขึ้น อาการในเด็กกับอาการในผู้ใหญ่จะไม่มีความแตกต่างกันมาก จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าในเด็กมีอาการรุนแรงน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นแบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย คนที่มีอาการจะมีอาการคล้ายๆ กัน คือมีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส แต่อย่างไรก็ตามในเด็กเองอาจจะมีข้อจำกัด เช่น ในเด็กเล็กมากๆ เขาไม่สามารถบอกเราได้ว่า เขาไม่ได้กลิ่นหรือลิ้นไม่รับรส ส่วนอาการอื่นๆ ที่มีอาการรุนแรงเป็นพิเศษในทางผิวหนังเพิ่มเติม เช่น มือเท้าบวม ปากบวม ปากลอก อาการการติดเชื้อของโรคโควิด-19 กับโรคไข้หวัดทั่วไป จริงๆ อาจไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้นการสังเกตอาการในเด็ก อาจจะค่อนข้างยาก เพราะว่าตัวเด็กเองก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อไข้หวัด ไม่ว่าจะเป็น RSV , parainfluenza หรือว่าไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว สิ่งที่จะช่วยได้คือประวัติเสี่ยง อย่างแรกคือประวัติที่ได้ไปพื้นที่เสี่ยงต่างๆ จึงควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง อย่างที่สองคือประวัติที่ได้สัมผัสผู้เป็นโรคโควิด-19 จะมีความเสี่ยงเพิ่มเติม ดังนั้นการวินิจฉัยจะต้องอาศัยสองอย่างร่วมกัน คือ ประวัติเสี่ยง และ อาการเสี่ยงที่จะเป็นโรค

การปฏิบัติตัวของเด็กเวลาที่โรงเรียนเหมือนกับผู้ใหญ่นั้นก็คือ 4 อย่าง

1. Social distancing หรือ physical distancing การเว้นระยะห่าง

2. การใส่หน้ากากอนามัย

3. ล้างมืออยู่สม่ำเสมอ

4. Contactless พยายามสัมผัสสิ่งต่างๆให้น้อยที่สุด เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์