ดูแลเด็ก ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Piyatida Dumluck
Piyatida Dumluck
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 40 ปี
กัญญาภัทร บุตรพรม
กัญญาภัทร บุตรพรม
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

สวัสดีค่ะ ชือ ภัทรค่ะ อายุ 52 ถนัดดูแลเด็กแรกคลอด คุณแม่หลังคลอดค่ะ นวดเด็กแรกเล็กได้ ช้วยให้เด็ก อารมณ์ดีไม่งอแง ช่วยระบบขับถ่าย เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง.นวดประคบสมุนไพร คุณแม่หลังคลอดช่วยในการอยู่ไฟสมัยโบราณ ทำให้มดลูกเข้าอู่ไว้ ร่างกายแข็งแรง รับงานได้ทั้งในและต่างประเทศค่ะ รับดูแลทั้งคนไทยและต่างชาติ

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 48 ปี
วนิดา ชัยวร
วนิดา ชัยวร
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 34 ปี
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 39 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ฉันทนา สิทธิ
ฉันทนา สิทธิ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 46 ปี

เป็นคนง่ายๆรักเด็กใจเย็นไม่เคยโกรธหรือโมโหอะไรง่ายๆนอนน้อยทําได้หมดแต่ไม่ชอบจู้จี้

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 50 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี

รักเด็ก, ใจเย็น, ละเอียด, รักสะอาด, ยืดหยุ่น, รับฟังและพร้อมเรียนรู้

แสดงเพิ่มเติม
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 31 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
Pavana Suntudchaiyo
Pavana Suntudchaiyo
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 58 ปี

I am in good health, kind and responsible, polite and gentle. สุภาพ สุขภาพแข็งแรง พูดเพราะ มีความรับผิดชอบ

แสดงเพิ่มเติม
วริวรรณ อยู่ไพร
วริวรรณ อยู่ไพร
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 37 ปี
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 31 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
5 ปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็กในเว็บใส่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะยุ่งยากในจอง แต่พอเข้าไปในเว็บไซต์ เว็บไซต์ใช้งานง่ายมาก ๆ มีความสะดวกในการใช้งาน อีกทั้งยังมี Guideline ให้อีกด้วย และขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีตัวเลือกให้เลือกด้วยว่าเราสะดวกสัมภาษณ์ทางไหน เหมาะแก่คนที่ไม่มีเวลาอย่างเราจริง ๆ
Saijai
สุริยา ดำรงรักษ์
5 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
5 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
5 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีคืออะไร
6 ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี

1. ความรู้ด้านการส่งเสริมพัฒนาการ การส่งเสริมพัฒนาการทำได้ทั้งผ่านการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวัน พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรหากิจกรรมเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยที่เหมาะสม
2. ความอดทนและใจรักเด็ก เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งลักษณะนิสัย อารมณ์และการแสดงออก บางคนว่านอนสอนง่าย บางคนชอบเล่นซนทั้งวัน หรือบางคนงอแง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีใจรักเด็กเป็นพื้นฐาน พร้อมทำความเข้าใจและมีความอดทน พยายามหาวิธีที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจ ปลอดภัย และยอมเชื่อฟังพี่เลี้ยงในที่สุด
3. ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรู้เบอร์โทรศัพท์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเด็กหกล้มมีแผลถลอกพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้ว่าจะจัดการกับแผลถลอกอย่างไร ในกรณีฉุกเฉินพี่เลี้ยงเด็กต้องสามารถติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้
4. ทักษะการสื่อสาร เด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ พี่เลี้ยงเด็กต้องเข้าใจการสื่อสารกับเด็ก เช่น เข้าใจภาษากายของทารก การสื่อสารของเด็กเล็ก สำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารด้วยทำพูดได้แล้ว พี่เลี้ยงเด็กต้องพูดคุยเพื่อให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับและให้เด็กรู้สึกสบายใจ
5. ทักษะการแก้ปัญหา หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้วิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ตรงหน้าตามสมควรโดยไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจทุกครั้ง
6. ความคิดสร้างสรรค์ คงไม่ดีแน่หากพี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กด้วยการให้เด็กดูสมาร์ทโฟนเป็นชั่วโมง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีความคิดสร้างสรรค์เล่นกับเด็กเพื่อให้เด็กเพลิดเพลินได้นานหลายชั่วโมงและให้เด็กได้พักผ่อนตามเวลา

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติและทักษะที่ดีที่คุณพ่อและคุณแม่ควรมองหาในตัวพี่เลี้ยงเด็กที่คุณเลือกมาเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณค่ะ
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง ควรทำอย่างไร
ใส่ใจขอพูดถึงข้อกังวลและแนวทางแก้ไขเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ที่บ้าน

1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
ข้อตกลงสำคัญที่พ่อแม่ควรตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงานมีอะไรบ้าง?
สัญญาหรือข้อตกลงในการทำงานเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็กต้องตกลงร่วมกันเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในขอบเขตการทำงานและค่าตอบแทน การทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอาจจะไม่จำเป็นเสมอไป แต่การร่างหรือการบันทึกรายการช่วยให้ทั้งสองฝ่ายจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น มีอะไรบ้างที่คุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็กควรตกลงกันก่อนเริ่มงาน

1. วันเริ่มงาน ควรมีวันเริ่มงานให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์และไม่เป็นการเสียเวลาของทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็ก
2. ชั่วโมงการทำงานและวันหยุด ตกลงเรื่องเวลาทำงาน จำนวนชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันและวันหยุด เพื่อให้ตารางการทำงานของพี่เลี้ยงเด็กสอดคล้องกับเวลาทำงานของพ่อคุณแม่มากที่สุด และทั้งสองฝ่ายควรรักษาเวลา
3. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ กำหนดความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน
4. ค่าแรงและกำหนดการจ่าย ค่าแรงของพี่เลี้ยงเด็กอาจขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงาน เช่นพี่เลี้ยงเด็กรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ซึ่งกำหนดการจ่ายเงินอาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการทำงานนี้ด้วย
5. ค่าแรงในกรณีทำงานล่วงเวลา หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กทำงานล่วงเวลา ควรสอบถามความสมัครใจของพี่เลี้ยงและตกลงกันให้ชัดเจนเรื่องค่าแรง
6. การโพสต์รูปหรือข้อความเกี่ยวกับเด็กลงสื่อออนไลน์ (Social Medias) คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้มีรูปภาพ หรือข้อความเกี่ยวกับลูก ๆ ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค หรืออินสตาแกรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำความตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

ความน่าสนใจ ของทำเลย่านบางนา

ใครจะคิดว่าเขตบางนา ชานเมืองที่ครั้งหนึ่งมีแต่อุตสาหกรรม และโรงงานเต็มไปหมด วันนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นทำเลที่มีศักยภาพแนวหน้าของกรุงเทพฝั่งตะวันออก ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเขตบางนากันก่อน บางนา

เป็นเขตหนึ่งของกรุงเทพมหานครที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่หนาแน่นมาก ทั้งแหล่งการค้า บริการ อุตสาหกรรม ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนติดกับจังหวัดสมุทรปราการและยังเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าไปภาคตะวันออกสู่นิคมอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยองเป็นต้น ส่งผลให้ย่านนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ที่มีนายทุนจากหลายแห่งเข้าไปลงทุน อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้บางนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มาจากโครงการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่เชื่อมต่อมาจากสุขุมวิทตอนกลาง ขยายตัวมาจนถึงเขตบางนา ส่งผลให้เกิดความเจริญดังกล่าว บางนาถือเป็นทำเลที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นย่านที่มีศักยภาพสูงมาก เนื่องจากสิ่งต่างๆที่อำนวยความสะดวกสบายและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมี โครงการเมกะโปรเจคของรัฐบาล โดยเฉพาะการพัฒนาประเทศให้ก้าวเข้าสู่เวทีโลกอย่าง Eastern Economic Corridor : EEC หรือระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้บางนามีโอกาสในการเติบโตและขยายตัวเพิ่มขึ้น เรียกได้ว่า ไม่มีพื้นที่ไหนในกรุงเทพที่มีการสร้างเมกะโปรเจคที่หนาแน่นอย่างกับบางนา นอกจากนี้บางนายังเป็นพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากและมีสถานศึกษาชั้นนำโดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติเช่น Verso International School บางกอกพัฒนา และยังมีแหล่งงานเพียงพอที่สามารถรองรับการเติบโตของประชากรได้เป็นอย่างดี



Mega HarborLand สนามเด็กเล่นในร่มแห่งใหม่ ที่ใหญ่ที่สุด

พูดถึงสวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ต้องยกให้ ฮาร์เบอร์แลนด์ เกาะมหาสนุก สาขา เมกาบางนา โดยใช้ชื่อว่า The MEGA Family Playground Complex ซึ่งมาในธีม “Happy Farm” ฟาร์มสนุก สีสันสดใส เต็มไปด้วยผักผลไม้ ที่มีพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ที่รวมเครื่องเล่นไว้มากมายเพื่อสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กๆ พร้อมกับความสนุกสนาน และยังมีพื้นที่สำหรับครอบครัวให้มาสนุกร่วมกันไปพร้อมกับเด็กๆ ภายในมีด้วยกัน 8 โซน แต่ละโซนมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. ZONE HarborLand โซนใหญ่ที่สุด ที่รวมของเล่นไว้อย่างมากมาย ทั้งสไลเดอร์ บ้านบอลที่มีหลายรูปแบบ ซึ่งเครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกัน ให้สามารถปีนป่ายเต็มที่ ช่วยพัฒนาระบบกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของเด็กๆ โดยเครื่องเล่นทุกชนิด ตกแต่งเป็นลายผลไม้ทั้งหมด

2. ZONE Rollerland ลานสเก็ตที่ร่ม ออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นสเก็ตกันอย่างปลอดภัย มาพร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น หมวกกันน็อก สนับเข่า สนับศอก หากน้องๆคนไหนเล่นไม่เป็น จะมีครูฝึกพิเศษให้ 15 นาที

3. ZONE Laser Battle โซนนี้จะเป็นเกมเลเซอร์ ที่มาจากประเทศออสเตรเลีย เหมาะกับสายบู๊ ที่ชอบเกมยิง โดยจะมีเสื้อเกราะและปืนเป็นของตัวเอง ก่อนการเล่นจะมีการแบ่งทีมกันก่อน 1 ทีมรองรับได้มากถึง 30 คน

4. ZONE Jump Z สนามแทรมโพลีน สำหรับกระโดดสูง ที่มีกิจกรรมภายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งกระโดดโยนบอล เกมมวยทะเลเป็นต้น ไม่ต้องกลัวว่าจะล้มแล้วเจ็บตัวเนื่องจากเป็นเบาะลม

5. ZONE MotorCity เมืองจำลองที่แรกในเอเชียก็ว่าได้ ภายในจะโซนแยกย่อยออกไป เช่น โซนขับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเด็กเล็ก โซนฝึกขับรถบนสนามจำลองเป็นต้น

6. ZONE bit.playground สวนสนุกดิจิทัล ที่มีด้วยกัน 10 ด่าน แต่ละด้านก็จะสนุกสนานต่างกันออกไป ซึ่งจะฉายเลเซอร์ลงบนพื้น เสมือนว่าเราอยู่ในสถานการณ์นั้นจริง มีหลายด่านให้เด็กๆ ได้ลองสนุกกัน

อีก 2 โซนได้แก่ ZONE GameLand แหล่งรวมตู้เกม และเกมสนุกสนาน และ ZONE AdventureLand ที่มาพร้อมความสนุกอย่างการปีนไต่เชือกด่านต่างๆ ซึ่ง 2 โซนนี้คาดว่าจะสร้างในอนาคตอันใกล้นี้



ควรสอนอะไรบ้าง เพื่อให้ลูกรู้จักการเข้าสังคม

เด็กแต่ละคนจะมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป ทั้งบุคลิกภาพ ความชอบ อารมณ์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ มาจากปัจจัยหลายๆ อย่างบวกกับสภาพแวดล้อมโดยตรงของตัวเด็ก โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นตัวหล่อหลอมทุกๆ อย่างให้กับเด็ก

เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวส่วนใหญ่จะอยู่กันแบบครอบครัวเดี่ยว แยกออกมาเพื่อความเป็นส่วนตัว ปัญหาที่เชื่อว่าหลายครอบครัวกังวลคือ การเข้าสังคมของลูก ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับเด็กโดยตรงได้ในอนาคต กับสังคมในโรงเรียน และสังคมการทำงาน เนื่องจากต้องมีการพูดคุยสื่อสารกันอยู่แล้ว มาดู 4 วิธีที่จะทำให้เด็กเข้าสังคมได้และเป็นที่รักของผู้อื่น

1.ให้ลูกทำความคุ้นเคยกับการเข้าสังคมตั้งแต่ยังเด็ก ลักษณะครอบครัวในปัจจุบันที่เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เด็กไม่มีโอกาสในการเข้าสังคมในระหว่างก่อนเข้ารับการศึกษา ต้องรอจนถึงวัยเรียนถึงจะได้เจอกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ หรือญาติสนิท วิธีที่จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับผู้อื่นได้ดีเช่น การพาเด็กไปพบกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงในวัยเดียวกัน ญาติพี่น้องรุ่นราวคราวเดียว ทั้งนี้เพื่อให้ลูกได้มีเวลาร่วมกับเพื่อนแบบอิสระ

2.เลี้ยงลูกแบบสบาย ไม่ประคบประหงมจนเกินไป และไม่เข้าไปแก้ปัญหาจากการกระทบกระทั่งกับเด็กคนอื่น เพื่อช่วยให้เด็กมีทักษะในการจัดการปัญหา ปรับตัว เข้าใจนิสัยของตนเอง เพื่อเรียนรู้ผลพฤติกรรมจากการกระทำของตนเองช่วยให้เด็กดูแลตัวเองได้ แต่บางครั้งหากเด็กมีอาการกังวลหรือปัญหาเกินกว่าจะแก้ได้ ผู้ปกครองก็ควรช่วยแก้ พร้อมกับสอน แนะนำแนวทางที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย

3.พาลูกไปเจอสังคมที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เพียงสังคมในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนในโรงเรียนเพียงเท่านั้น พาไปเจอสังคมของเพื่อนพ่อแม่ หรือเมื่อมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจเช่น งานอีเว้นท์ต่างๆ ควรพาเด็กไปเข้าร่วม ช่วยให้สังคมของลูกเปิดกว้างมากขึ้น

4.สอนให้ลูกคิดว่า การพูดคุยกับคนไม่ใช่เรื่องน่าอาย โดยเฉพาะการพูดจาแบบเป็นมิตร สุภาพเรียบร้อย ยิ่งเราเป็นเด็กช่างพูด ช่างจาผู้คนจะรักและเอ็นดูเรา

ที่สำคัญเรื่องมารยาทในการแสดงออก ควรสอนให้เด็กแสดงออกอย่างเหมาะสมและถูกกาลเทศะ ไม่ส่งเสริมการแสดงออกที่ดูเกินหน้าเกินตาเด็กในวัยเดียวกัน เพราะเด็กอาจถูกมองว่าเป็นเด็กแก่แดดได้ แต่ไม่ควรปิดกั้น ควรสอนในเชิงของความเป็นเหตุเป็นผล อธิบายและสร้างความเข้าใจ ที่สำคัญผู้ปกครองควรปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็กว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด เหมือนสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”