ดูแลเด็ก ใน สมุทรปราการ

ดูแลเด็ก ใน สมุทรปราการ

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

นันทิรา ระยับศรี
นันทิรา ระยับศรี
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

ตอนนี้ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่โรงเรียนนานาชาติ เป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้ากับเด็กได้ดีสามารถสอนพื้นฐานให้เด็กวัยก่อนเข้าเรียนได้ ตามพัฒนาการของน้องค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
Khaimuk  Homberg
Khaimuk Homberg
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กและทำงานร่วมกับเด็กมากกว่า 5 ปี

รักเด็กค่ะ พูดได้ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ สามารถสอนการบ้านน้องและช่วยเหลือในด้านอื่นๆได้

มีใบขับขี่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
ลัดดา เหล่าทา
ลัดดา เหล่าทา
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมากกว่า 10 ปี

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
ณัฐวิกา พุ่มมาก
ณัฐวิกา พุ่มมาก
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

เป็นครูอนุบาล มีใบประกอบวิชาชีพค่ะ เรียนจบการศึกษาปฐมวัยผ่านสังเกตการสอน ฝึกสอน มีประสบการณ์ในการทำงานค่ะ รักเด็กชอบเด็กเลี้ยงเด็กเหมือนลูกตัวเองใส่ใจทุกรายละเอียดของเด็กค่ะ นิสัยร่าเริง ชอบร้องเพลง ชอบพาเด็กๆทำอาหาร ขนม และทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
บุญตา สุอังคะวาทิน
บุญตา สุอังคะวาทิน
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 54 ปี

ผ่านหลักสูตร คุรุศาสตร๋มหาบัณฑิตด้วยค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 30 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
ณัฎฐ์ชญานิศ ศรีสุขรัตนา
ณัฎฐ์ชญานิศ ศรีสุขรัตนา
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

เป็นคนรักเด็ก ถึงแม้ตัวเองจะไม่มีบุตร เคยรับเลี้ยงเด็กในซอยวัยก่อนเข้าเรียน เพราะพ่อแม่เด็กต้องทำงาน จะซื้อของเล่นและพาไปเที่ยวในละแวกใกล้ หรือถ้าพ่อแม่อนุญาตก็พาไปไกลได้ ชอบซื้อขนมและสิ่งของต่างๆแจกเด็กในซอย

แสดงเพิ่มเติม
ศรีทอง  เด่นดวง
ศรีทอง เด่นดวง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

ทำอาหารได้

เลี้ยงเด็กเล็กได้

เล่านิทานได้

แสดงเพิ่มเติม
วนิดา ชัยวร
วนิดา ชัยวร
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 33 ปี
	ปรีชญา ขัดเรือน
ปรีชญา ขัดเรือน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี

รักเด็ก, ใจเย็น, ละเอียด, รักสะอาด, ยืดหยุ่น, รับฟังและพร้อมเรียนรู้

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
4 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
4 ปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็กในเว็บใส่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะยุ่งยากในจอง แต่พอเข้าไปในเว็บไซต์ เว็บไซต์ใช้งานง่ายมาก ๆ มีความสะดวกในการใช้งาน อีกทั้งยังมี Guideline ให้อีกด้วย และขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีตัวเลือกให้เลือกด้วยว่าเราสะดวกสัมภาษณ์ทางไหน เหมาะแก่คนที่ไม่มีเวลาอย่างเราจริง ๆ
Saijai
สุริยา ดำรงรักษ์
4 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยควรเลือกใช้บริการการเลี้ยงเด็กแบบใด พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว หรือเนอสเซอรี่
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก วันนี้เรามาดูข้อดีขอเสียของพี่เลี้ยงเด็กกันค่ะ ทำไมต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก

1) พี่เลี้ยงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากคุณไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยเนื่องจากต้องทำงานนั้น พี่เลี้ยงเด็กคือทางออกของคุณค่ะ
2) หากคุณเลือกพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกของคุณได้ค่ะ
3) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณแบบใกล้ชิดมากกว่าส่งลูกเข้าศูนย์เลี้ยงเด็ก เพราะศูนย์เลี้ยงเด็กนั้นไม่สามารถดูแลเด็ก ๆ แบบใกล้ชิดได้
4) พี่เลี้ยงสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของคุณได้
5) คุณไม่ต้องเสียเวลาไปรับไปส่งลูกน้อยที่ศูนย์หากคุณจ้างพี่เลี้ยงมาที่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณ
6) ลูกของคุณจะไม่ป่วยบ่อยเหมือนเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากกว่า20คน อาจจะเกิดความเสี่ยงติดโรคจากเพื่อน ๆ ได้
7) พี่เลี้ยงสามารถอยู่ดูแลลูกของคุณและเฝ้าบ้านของคุณได้หากในกรณีคุณกลับบ้านดึก
8) คุณสามารถบอกพี่เลี้ยงเด็กได้หากคุณต้องการให้พี่เลี้ยงมุ่งเน้นพัฒนาการของลูกคุณในด้านไหนเพราะพี่เลี้ยงของคุณจะดูแลเด็กแบบใกล้ชิด และมุ่งเน้นความสนใจให้ลูกของคุณ ต่างจากเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่ต้องเฉลี่ยดูแลอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของพี่เลี้ยงเด็ก

1) ลูกของคุณอาจจะติดพี่เลี้ยงมากเกินไป
2) ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับศูนย์เลี้ยงเด็ก
3) คุณอาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว

อย่างไรก็ดีข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณไปได้เยอะเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคน ใส่ใจมีบริการด้านนี้ค่ะ
ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีคืออะไร
6 ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี

1. ความรู้ด้านการส่งเสริมพัฒนาการ การส่งเสริมพัฒนาการทำได้ทั้งผ่านการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวัน พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรหากิจกรรมเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยที่เหมาะสม
2. ความอดทนและใจรักเด็ก เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งลักษณะนิสัย อารมณ์และการแสดงออก บางคนว่านอนสอนง่าย บางคนชอบเล่นซนทั้งวัน หรือบางคนงอแง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีใจรักเด็กเป็นพื้นฐาน พร้อมทำความเข้าใจและมีความอดทน พยายามหาวิธีที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจ ปลอดภัย และยอมเชื่อฟังพี่เลี้ยงในที่สุด
3. ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรู้เบอร์โทรศัพท์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเด็กหกล้มมีแผลถลอกพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้ว่าจะจัดการกับแผลถลอกอย่างไร ในกรณีฉุกเฉินพี่เลี้ยงเด็กต้องสามารถติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้
4. ทักษะการสื่อสาร เด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ พี่เลี้ยงเด็กต้องเข้าใจการสื่อสารกับเด็ก เช่น เข้าใจภาษากายของทารก การสื่อสารของเด็กเล็ก สำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารด้วยทำพูดได้แล้ว พี่เลี้ยงเด็กต้องพูดคุยเพื่อให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับและให้เด็กรู้สึกสบายใจ
5. ทักษะการแก้ปัญหา หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้วิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ตรงหน้าตามสมควรโดยไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจทุกครั้ง
6. ความคิดสร้างสรรค์ คงไม่ดีแน่หากพี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กด้วยการให้เด็กดูสมาร์ทโฟนเป็นชั่วโมง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีความคิดสร้างสรรค์เล่นกับเด็กเพื่อให้เด็กเพลิดเพลินได้นานหลายชั่วโมงและให้เด็กได้พักผ่อนตามเวลา

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติและทักษะที่ดีที่คุณพ่อและคุณแม่ควรมองหาในตัวพี่เลี้ยงเด็กที่คุณเลือกมาเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณค่ะ
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง ควรทำอย่างไร
ใส่ใจขอพูดถึงข้อกังวลและแนวทางแก้ไขเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ที่บ้าน

1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

สมุทรปราการ เมืองแห่งอุตสาหกรรม

จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 1,004,092 ตร.กม. มีความหนาแน่นของประชากรเป็นอันดับ 3 ของประเทศ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่รองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และมีการเจริญเติบโตของภาคอุตสาหกรรมสูง ซึ่งทำรายได้ให้กับจังหวัดสมุทรปราการสูงสุด

จังหวัดสมุทรปราการมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในทุกอำเภอ และมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี และ นิคมอุตสาหกรรมบางปู

นิคมอุตสาหกรรมบางพลี อำเภอบางพลี มีเนื้อที่ 1,004 ไร่ มีโรงงานมากถึง 160 โรง ประกอบอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งโรงงานประกอบกิจการอิเล็กทรอนิกส์ โรงงานประกอบกิจการสารเคมี โรงงานประกอบการกิจการฉีดพลาสติกและผลิตภัณฑ์งานพลาสติก

นิคมอุตสาหกรรมบางปู เทศบาลตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถึง 4,000 ไร่ แบ่งเป็นอุตสาหกรรมทั่วไป 3,400 ไร่ เขตอุตสาหกรรมส่งออก 270 ไร่ เขตพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย 250 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นสาธารณูปโภค และโรงกำจัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม มีโรงงาน 510 โรง ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมแปรรูป สิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ โละ พลาสติก เครื่องจักร รวมทั้งอุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์

เมื่อจำนวนโรงงานมีมาก จำนวนประชากรก็มีมากขึ้นตามมา รวมทั้งกิจการที่พักอาศัย เช่น หอพักทั่วไป หอพักพนักงาน บ้านเช่า เพื่อรองรับจำนวนพนักงานในแต่ละโรงงาน ยิ่งภาคอุตสาหกรรมเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งโยกย้ายเข้ามาเพื่อหางานทำในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการมากขึ้นเท่านั้น เพราะจังหวัดสมุทรปราการเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีโอกาสการจ้างงานสูง



แพขนานยนต์ข้ามฟากพระประแดง ระบบขนส่งสาธารณะที่อยู่คู่ชาวพระประแดงมาช้านาน

เมื่ออำเภอพระประแดง ถูกคั่นด้วยแม่น้ำ การเดินทางข้ามไปมายังเมืองพระประแดงสมัยก่อนจึงใช้เรือและแพขนาดใหญ่เป็นยานพาหนะ แพขนานยนต์เปิดให้บริการข้ามฟากมาก่อนที่จะมีการสร้าง สะพานภูมิพล และเปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2549 แพขนานยนต์สามารถบรรทุกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ข้ามฟากไปมาได้เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางของชาวพระประแดงและผู้ที่ต้องเดินทางมาพระประแดง

ปัจจุบัน สะพานภูมิพล ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์ หรือรถบรรทุก และรถขนส่งขนาดใหญ่สามารถวิ่งข้ามฝั่งไปมาสะดวกมากขึ้น แต่เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ เพราะมอเตอร์ไซค์ไม่ได้การอนุญาตให้ขึ้นสะพานภูมิพล ทำให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามไปมายังพระประแดงจะต้องขี่รถอ้อมไกลเพื่อไปใช้สะพานกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสะพานที่ใกล้ที่สุดในละแวกนี้ ทำให้ใช้การเดินทางเวลานานขึ้น ต้องเผื่อเวลาออกจากบ้านเพื่อให้ทันเวลาเข้างาน ทันเวลานัดหมาย หรือทันเวลานัดส่งของ ระบบขนส่งทางน้ำที่มีมาช้านานอย่างแพขนานยนต์ข้ามฟากของชาวพระประแดงจึงยังคงเปิดให้บริการอยู่ และยังมีผู้นิยมเดินทางด้วยเส้นทางนี้เพราะช่วยย่นเวลาได้มาก อีกทั้งระหว่างยังได้ชมทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา และชมวิวสะพานภูมิพลที่เป็นสะพานแขวนที่ยาวและสวยที่สุดในประเทศไทย

แพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังพระประแดงมี 2 แห่ง คือ แพที่แล่นระหว่างพระประแดง-สุขสวัสดิ์ และ พระประแดง-ปู่เจ้าสมิงพราย เพื่อเชื่อมต่อไปยังบางนา โดยแพขนานยนต์ทั้งสองจุดนี้ สามารถบรรทุกได้ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์เหมือนเมื่อครั้งที่ยังไม่มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ค่าใช้จ่ายสำหรับรถมอเตอร์ไซค์อยู่ที่คันละ 10 บาท และสำหรับรถยนต์คันละ 20 บาท ถ้ามาจากทางสุขสวัสดิ์ จุดข้ามแพจะอยู่บริเวณสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดง เป็นอาคารไม้ดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์และปรับปรุงอย่างสวยงาม จุดข้ามตรงนี้มีจุดชมวิวริมเขื่อนเพื่อชมความงามของสะพานภูมิพล 1 และ 2 โดยเฉพาะช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตก และก่อนจะถึงท่าขึ้นแพ ยังมีตลาดเก่าพระประแดง ศาลเจ้าพ่อพระประแดง และตัวเมืองเก่าให้ได้แวะชม การเดินทางข้ามฟากโดยใช้แพขนานยนต์สามารถช่วยย่นระยะเวลาได้ แถมบนแพยังมีไอศกรีมโบราณขายให้ได้ซื้อกินคลายร้อนอีกด้วย

ใครจะไปพระประแดง แล้วอยากลองใช้วิธีการเดินทางสุดคลาสสิคพร้อมกับชมวิวแม่น้ำและสะพานสวยๆ ต้องมาลองนำรถลงแพดูสักครั้ง แต่เตือนก่อนนะว่า บนแพไม่มีหลังคารหลบร้อน และไม่มีขอบกั้น เพราะฉะนั้นต้องขับรถขึ้นลงแพอย่างระมัดระวัง ดับเครื่องและจอดรถให้สนิทเมื่ออยู่บนแพ จะมีพนักงานนำขอนไม้มาหนุนล้อรถของเราไว้เพื่อความปลอดภัย



6 วิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก (hand-foot-mouth disease)

โรคฮิตของเด็กในช่วงฤดูฝนที่พ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้เกิด คือ โรคมือ เท้า ปาก (hand-foot-mouth disease) โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ระบุว่า โรคมือ เท้า ปาก พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และมีพบประปรายในเด็กโต โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส สายพันธุ์คอกซากีไวรัส เอ 16 (coxsackievirus A16) และเอนเทอโรไวรัส 71 (enterovirus 71)

หลังจากเด็กได้รับเชื้อประมาณ 3-6 วัน อาการส่วนใหญ่จะเริ่มจากมีไข้ อ่อนเพลีย อาเจียนบ่อย และมีแผลในปาก รวมทั้งมีผื่นที่มือและเท้า แผลจะปากพบได้หลายตำแหน่ง ตั้งแต่บริเวณเพดานบน กระพุ้งแก้ม หรือลิ้น ทำให้มีอาการเจ็บหรือกลืนน้ำลายไม่ได้ และไม่ยอมทานอาหาร เด็กบางคนที่เป็นเยอะอาจลามออกมาที่ริมฝีปากหรือรอบๆริมฝีปาก ส่วนผื่นมีมือและเท้าจะเป็นลักษณะตุ่มแดงๆ หรือบางครั้งอาจเป็นตุ่มใสที่บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า หรือง่ามนิ้วมือและนิ้วเท้า ซึ่งจะหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน

โรคมือ เท้า ปาก แพร่กระจายได้ 2 ทาง คือ การสัมผัสโดยตรงหรืออุจจาระของผู้ป่วยซึ่งมีเชื้อไวรัส ระยะที่แพร่เชื้อได้มากคือช่วงภายใน 7 วันแรก หลังจากเริ่มมีอาการ

ปัจจุบันโรคมือ เท้า ปาก ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะทำการรักษาตามอาการ ซึ่งโดยปกติเด็กจะไม่มีอาการรุนแรงและสามารถหายได้เอง แต่หากเด็กบางคนที่เจ็บในช่องปากจนไม่ยอมทานอาหาร อาจต้องพบแพทย์เพื่อให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด จนกว่าอาการจะดีขึ้น ทั้งนี้บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนทางสมองและหัวใจ โดยภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดที่มีโอกาสเสียชีวิตคือ ก้านสมองอักเสบ ซึ่งพบน้อยมากๆ เฉลี่ย 1-5 รายต่อปี ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก พ่อแม่ควรหมั่นดูแลรักษาสุขอนามัยของลูกดังนี้

1. รักษาความสะอาด ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหาร หลังมีการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือภายหลังการขับถ่าย หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้ง

2. หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน เช่น จาน ชาม หลอดดูด แก้วน้ำ ขวดนม ผ้าเช็ดหน้า และใช้ช้อนกลางเวลารับประทานอาหารร่วมกัน

3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม และดื่มน้ำสะอาด

4. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโรค และอย่าให้เด็กคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย

5. ตัดเล็บเด็กให้สั้นเพื่อป้องกันการเกา

6. กรณีเด็กในวัยเรียนหรืออยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ ควรให้เด็กหยุดเรียนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็กคนอื่นๆ และควรแจ้งทางโรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้ทราบ เพื่อปฏิบัติตามแนวทางป้องกันต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติ หรือรุนแรง ควรพาเด็กเข้าพบแพทย์ทันที