ดูแลเด็ก ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการดูแลเด็ก ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 30 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
Pavana Suntudchaiyo
Pavana Suntudchaiyo
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 57 ปี

I am in good health, kind and responsible, polite and gentle. สุภาพ สุขภาพแข็งแรง พูดเพราะ มีความรับผิดชอบ

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 49 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ฉันทนา สิทธิ
ฉันทนา สิทธิ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 45 ปี

เป็นคนง่ายๆรักเด็กใจเย็นไม่เคยโกรธหรือโมโหอะไรง่ายๆนอนน้อยทําได้หมดแต่ไม่ชอบจู้จี้

แสดงเพิ่มเติม
Piyatida Dumluck
Piyatida Dumluck
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 39 ปี
วริวรรณ อยู่ไพร
วริวรรณ อยู่ไพร
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 37 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
กัญญาภัทร บุตรพรม
กัญญาภัทร บุตรพรม
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

สวัสดีค่ะ ชือ ภัทรค่ะ อายุ 52 ถนัดดูแลเด็กแรกคลอด คุณแม่หลังคลอดค่ะ นวดเด็กแรกเล็กได้ ช้วยให้เด็ก อารมณ์ดีไม่งอแง ช่วยระบบขับถ่าย เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง.นวดประคบสมุนไพร คุณแม่หลังคลอดช่วยในการอยู่ไฟสมัยโบราณ ทำให้มดลูกเข้าอู่ไว้ ร่างกายแข็งแรง รับงานได้ทั้งในและต่างประเทศค่ะ รับดูแลทั้งคนไทยและต่างชาติ

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี

รักเด็ก, ใจเย็น, ละเอียด, รักสะอาด, ยืดหยุ่น, รับฟังและพร้อมเรียนรู้

แสดงเพิ่มเติม
วนิดา ชัยวร
วนิดา ชัยวร
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 33 ปี
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
4 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถว สุขุมวิท71 ลองใช้เว็บใส่ใจครั้งแรก เพราะเพื่อนๆ แนะนำมา อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก มองหามาหลายที่ ที่นี่รายละเอียดครบ ราคาชัดเจน โทรปรึกษาพนักงานก็อธิบายเข้าใจง่ายมาก สะดวกสบาย ง่ายกว่า search หาเองใน Google ชอบมากๆ ค่ะ
Saijai
นงคราญ แซ่ตั้ง
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
อะไรที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก ๆ ของคุณ ความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการใดบ้างที่จะหาพี่เลี้ยงที่วางใจได้ ใส่ใจมีวิธีการที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักตัวตนของพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น

1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

ความน่าสนใจ ของทำเลย่านบางนา

ใครจะคิดว่าเขตบางนา ชานเมืองที่ครั้งหนึ่งมีแต่อุตสาหกรรม และโรงงานเต็มไปหมด วันนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นทำเลที่มีศักยภาพแนวหน้าของกรุงเทพฝั่งตะวันออก ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเขตบางนากันก่อน บางนา

เป็นเขตหนึ่งของกรุงเทพมหานครที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่หนาแน่นมาก ทั้งแหล่งการค้า บริการ อุตสาหกรรม ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนติดกับจังหวัดสมุทรปราการและยังเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าไปภาคตะวันออกสู่นิคมอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยองเป็นต้น ส่งผลให้ย่านนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ที่มีนายทุนจากหลายแห่งเข้าไปลงทุน อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้บางนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มาจากโครงการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่เชื่อมต่อมาจากสุขุมวิทตอนกลาง ขยายตัวมาจนถึงเขตบางนา ส่งผลให้เกิดความเจริญดังกล่าว บางนาถือเป็นทำเลที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นย่านที่มีศักยภาพสูงมาก เนื่องจากสิ่งต่างๆที่อำนวยความสะดวกสบายและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมี โครงการเมกะโปรเจคของรัฐบาล โดยเฉพาะการพัฒนาประเทศให้ก้าวเข้าสู่เวทีโลกอย่าง Eastern Economic Corridor : EEC หรือระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้บางนามีโอกาสในการเติบโตและขยายตัวเพิ่มขึ้น เรียกได้ว่า ไม่มีพื้นที่ไหนในกรุงเทพที่มีการสร้างเมกะโปรเจคที่หนาแน่นอย่างกับบางนา นอกจากนี้บางนายังเป็นพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากและมีสถานศึกษาชั้นนำโดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติเช่น Verso International School บางกอกพัฒนา และยังมีแหล่งงานเพียงพอที่สามารถรองรับการเติบโตของประชากรได้เป็นอย่างดี



Mega HarborLand สนามเด็กเล่นในร่มแห่งใหม่ ที่ใหญ่ที่สุด

พูดถึงสวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ต้องยกให้ ฮาร์เบอร์แลนด์ เกาะมหาสนุก สาขา เมกาบางนา โดยใช้ชื่อว่า The MEGA Family Playground Complex ซึ่งมาในธีม “Happy Farm” ฟาร์มสนุก สีสันสดใส เต็มไปด้วยผักผลไม้ ที่มีพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ที่รวมเครื่องเล่นไว้มากมายเพื่อสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กๆ พร้อมกับความสนุกสนาน และยังมีพื้นที่สำหรับครอบครัวให้มาสนุกร่วมกันไปพร้อมกับเด็กๆ ภายในมีด้วยกัน 8 โซน แต่ละโซนมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. ZONE HarborLand โซนใหญ่ที่สุด ที่รวมของเล่นไว้อย่างมากมาย ทั้งสไลเดอร์ บ้านบอลที่มีหลายรูปแบบ ซึ่งเครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกัน ให้สามารถปีนป่ายเต็มที่ ช่วยพัฒนาระบบกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของเด็กๆ โดยเครื่องเล่นทุกชนิด ตกแต่งเป็นลายผลไม้ทั้งหมด

2. ZONE Rollerland ลานสเก็ตที่ร่ม ออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นสเก็ตกันอย่างปลอดภัย มาพร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น หมวกกันน็อก สนับเข่า สนับศอก หากน้องๆคนไหนเล่นไม่เป็น จะมีครูฝึกพิเศษให้ 15 นาที

3. ZONE Laser Battle โซนนี้จะเป็นเกมเลเซอร์ ที่มาจากประเทศออสเตรเลีย เหมาะกับสายบู๊ ที่ชอบเกมยิง โดยจะมีเสื้อเกราะและปืนเป็นของตัวเอง ก่อนการเล่นจะมีการแบ่งทีมกันก่อน 1 ทีมรองรับได้มากถึง 30 คน

4. ZONE Jump Z สนามแทรมโพลีน สำหรับกระโดดสูง ที่มีกิจกรรมภายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งกระโดดโยนบอล เกมมวยทะเลเป็นต้น ไม่ต้องกลัวว่าจะล้มแล้วเจ็บตัวเนื่องจากเป็นเบาะลม

5. ZONE MotorCity เมืองจำลองที่แรกในเอเชียก็ว่าได้ ภายในจะโซนแยกย่อยออกไป เช่น โซนขับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเด็กเล็ก โซนฝึกขับรถบนสนามจำลองเป็นต้น

6. ZONE bit.playground สวนสนุกดิจิทัล ที่มีด้วยกัน 10 ด่าน แต่ละด้านก็จะสนุกสนานต่างกันออกไป ซึ่งจะฉายเลเซอร์ลงบนพื้น เสมือนว่าเราอยู่ในสถานการณ์นั้นจริง มีหลายด่านให้เด็กๆ ได้ลองสนุกกัน

อีก 2 โซนได้แก่ ZONE GameLand แหล่งรวมตู้เกม และเกมสนุกสนาน และ ZONE AdventureLand ที่มาพร้อมความสนุกอย่างการปีนไต่เชือกด่านต่างๆ ซึ่ง 2 โซนนี้คาดว่าจะสร้างในอนาคตอันใกล้นี้



ควรสอนอะไรบ้าง เพื่อให้ลูกรู้จักการเข้าสังคม

เด็กแต่ละคนจะมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป ทั้งบุคลิกภาพ ความชอบ อารมณ์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ มาจากปัจจัยหลายๆ อย่างบวกกับสภาพแวดล้อมโดยตรงของตัวเด็ก โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นตัวหล่อหลอมทุกๆ อย่างให้กับเด็ก

เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวส่วนใหญ่จะอยู่กันแบบครอบครัวเดี่ยว แยกออกมาเพื่อความเป็นส่วนตัว ปัญหาที่เชื่อว่าหลายครอบครัวกังวลคือ การเข้าสังคมของลูก ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับเด็กโดยตรงได้ในอนาคต กับสังคมในโรงเรียน และสังคมการทำงาน เนื่องจากต้องมีการพูดคุยสื่อสารกันอยู่แล้ว มาดู 4 วิธีที่จะทำให้เด็กเข้าสังคมได้และเป็นที่รักของผู้อื่น

1.ให้ลูกทำความคุ้นเคยกับการเข้าสังคมตั้งแต่ยังเด็ก ลักษณะครอบครัวในปัจจุบันที่เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เด็กไม่มีโอกาสในการเข้าสังคมในระหว่างก่อนเข้ารับการศึกษา ต้องรอจนถึงวัยเรียนถึงจะได้เจอกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ หรือญาติสนิท วิธีที่จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับผู้อื่นได้ดีเช่น การพาเด็กไปพบกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงในวัยเดียวกัน ญาติพี่น้องรุ่นราวคราวเดียว ทั้งนี้เพื่อให้ลูกได้มีเวลาร่วมกับเพื่อนแบบอิสระ

2.เลี้ยงลูกแบบสบาย ไม่ประคบประหงมจนเกินไป และไม่เข้าไปแก้ปัญหาจากการกระทบกระทั่งกับเด็กคนอื่น เพื่อช่วยให้เด็กมีทักษะในการจัดการปัญหา ปรับตัว เข้าใจนิสัยของตนเอง เพื่อเรียนรู้ผลพฤติกรรมจากการกระทำของตนเองช่วยให้เด็กดูแลตัวเองได้ แต่บางครั้งหากเด็กมีอาการกังวลหรือปัญหาเกินกว่าจะแก้ได้ ผู้ปกครองก็ควรช่วยแก้ พร้อมกับสอน แนะนำแนวทางที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย

3.พาลูกไปเจอสังคมที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เพียงสังคมในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนในโรงเรียนเพียงเท่านั้น พาไปเจอสังคมของเพื่อนพ่อแม่ หรือเมื่อมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจเช่น งานอีเว้นท์ต่างๆ ควรพาเด็กไปเข้าร่วม ช่วยให้สังคมของลูกเปิดกว้างมากขึ้น

4.สอนให้ลูกคิดว่า การพูดคุยกับคนไม่ใช่เรื่องน่าอาย โดยเฉพาะการพูดจาแบบเป็นมิตร สุภาพเรียบร้อย ยิ่งเราเป็นเด็กช่างพูด ช่างจาผู้คนจะรักและเอ็นดูเรา

ที่สำคัญเรื่องมารยาทในการแสดงออก ควรสอนให้เด็กแสดงออกอย่างเหมาะสมและถูกกาลเทศะ ไม่ส่งเสริมการแสดงออกที่ดูเกินหน้าเกินตาเด็กในวัยเดียวกัน เพราะเด็กอาจถูกมองว่าเป็นเด็กแก่แดดได้ แต่ไม่ควรปิดกั้น ควรสอนในเชิงของความเป็นเหตุเป็นผล อธิบายและสร้างความเข้าใจ ที่สำคัญผู้ปกครองควรปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็กว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด เหมือนสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”