ดูแลเด็ก ใน บางเลน, นครปฐม

ดูแลเด็ก ใน บางเลน, นครปฐม

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 30 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ยุวพัตรา พุทธอภิบาล
ยุวพัตรา พุทธอภิบาล
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 31 ปี

นิสัย : ใจเย็น รักเด็ก รักผู้สูงอายุ ไม่เหวี่ยง ไม่วีน ใส่ใจ สะอาด พูดน้อย ไม่จุกจิก

แสดงเพิ่มเติม
วนิดา ชัยวร
วนิดา ชัยวร
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 33 ปี
กุลวาณีย์ พันธ์สน
กุลวาณีย์ พันธ์สน
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เข้ากับคนได้ง่าย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รักเด็ก

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
4 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ลองเปรียบเทียบกันระหว่างส่งลูกไปเนอสเซอรี่และจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกที่บ้าน อะไรจะตรงใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด
บริการรับเลี้ยงเด็กในปัจจุบันมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่ เรามาดูข้อดีข้อเสียกันเลยค่ะ

ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านมีดังนี้

1) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณได้อย่างใกล้ชิด ลูกของคุณจะได้รับความเอาใจใส่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทางด้านอารมณ์
2) พี่เลี้ยงสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำกิจกรรมต่าง
3) พ่อแม่ประหยัดเวลามากขึ้น หากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลที่บ้าน
4) เด็กจะไม่ป่วยบ่อย เนื่องจากเด็กจะอยู่ในบ้านของตนเอง

ข้อดีของเนอสเซอรี่

1) เด็ก ๆ จะรู้จักการเข้าสังคม
2) เนอสเซอรี่มีบริเวณกว้างเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
3) เด็กจะได้ฝึกดูแลตัวเอง เพราะครูพี่เลี้ยงไม่ได้ดูแลเด็กแบบใกล้ชิด

ข้อเสียของพี่เลี้ยง

1) ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเข้าศูนย์เนอสเซอรี่
2) เด็กอาจจะติดพี่เลี้ยงเกินไป
3) ลดความเป็นส่วนตัวของครอบครัว

ข้อเสียของเนอสเซอรี่

1) เด็กป่วยบ่อยเพราะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยเนื่องจากอยู่กับเด็กหลายคน
2) ลูกจะไม่ได้รับการดูแลใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวอาจส่งผลถึงอารมณ์ของเด็กได้
3) เด็กจะอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาบริการพี่เลี้ยงเด็ก ใส่ใจมีบริการพี่เลี้ยงมืออาชีพที่พร้อมจะให้บริการคุณค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

อำเภอที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครปฐม

อำเภอบางเลน เป็นหนึ่งใน 7 อำเภอของ จังหวัดนครปฐม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดและเป็นอำเภอที่อยู่ไกลจากตัวจังหวัดมากที่สุด มีระยะทางห่างจากอำเภอเมืองถึง 46 กิโลเมตร มีเขตติดต่อกับพื้นที่ข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือติดกับอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทิศตะวันออกติดกับอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ทิศใต้ติดกับอำเภอพุทธมณฑล และอำเภอนครชัยศรี และทิศตะวันตกติดกับอำเภอดอนตูมและอำเภอกำแพงแสน อำเภอบางเลน ตั้งขึ้นเป็นอำเภอปี พ.ศ. 2439 ณ ที่ว่าการอำเภอบ้านบางไผ่นารถ ใกล้วัดบางไผ่นารถ จึงใช้ชื่อว่า อำเภอบางไผ่นารถ ต่อมาได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งที่ตำบลบางปลา ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน จึงใช้ชื่อว่า อำเภอบางปลา และมีการแบ่งการปกครองออกเป็นตำบลบางปลา และตำบลบางเลน จนมาในปี พ.ศ. 2479 มีการย้ายที่ตั้งอำเภอมาอยู่ที่บริเวณตลาดเก่าตำบลบางเลน และเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบางเลนเมื่อปี พ.ศ. 2482 หลังจากได้รับมอบที่ดินบริเวณริมถนนพลดำริห์ หมู่ 8 ตำบลบางเลน ในปี พ.ศ. 2521 โดยหลวงพ่อกิติวุฒโทแห่งจิตตภาวันวิทยาลัย ที่ว่าการอำเภอบางเลนก็ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน อำเภอบางเลน มีพื้นที่ราว 588 ตร. กม. มีเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 7 อำเภอของจังหวัด แต่จำนวนประชากรไม่หนาแน่นมากเหมือนอำเภอเมืองนครปฐม เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตร เป็นที่ดอน มีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านอำเภอบางเลนแบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 15 ตำบล 180 หมู่บ้าน อำเภอบางเลนมีวัดวาอารามมากถึง 41 วัด ทั้งวัดราษฎร์มหานิกาย และวัดราษฎร์ธรรมยุติกนิกาย และมีศาสนสถานในศาสนาคริสต์อยู่ 2 แห่งในเขตตำบลบางภาษีและตำบลบางระกำ มีวัดดังที่เป็นที่รู้จักคือวัดสว่างอารมณ์ ตำบลนราภิรมย์ นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ภายในอำเภอจึงมักติดริมแม่น้ำหรือเป็นเทือกสวนไร่นาทำให้มีบรรยากาศสบาย ร่มรื่น คนต่างจังหวัดใกล้เคียงจึงนิยมแวะเวียนมาเที่ยวในเขตอำเภอบางเลน เป็นประจำในช่วงวันหยุด



ชม ชิม ช็อป ที่ตลาดน้ำวัดลำพญา

ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายคนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนสมองที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งอาทิตย์ หากจะหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ บรรยากาศดีๆ มีร้านค้าร้านอาหารอร่อยๆให้เดินชม เดินชิม และแวะไหว้พระเป็นสิริมงคลได้ ขอแนะ นำตลาดน้ำวัดลำพญา ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ตำบลลำพญาอำเภอบางเลนจังหวัดนครปฐม หรือบริเวณหน้าวัดลำพญา ริมแม่น้ำท่าจีน สามารถเดินทางมาได้สะดวกสบาย มีที่จอดรถกว้างขวางซึ่งเป็นที่จอดรถของวัดลำพญาโดยไม่เก็บค่าบริการ ใช้เวลาเดินทางมาจากกรุงเทพฯเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

ตลาดน้ำวัดลำพญาเกิดขึ้นจากความร่วมมือของสภาวัฒนธรรมตำบลลำพญา วัดลำพญา และชาวบ้านตำบลลำพญา อำเภอบางเลนจังหวัดนครปฐม เพื่อส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ทั้งยังมีจุดประสงค์ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำท่าจีน จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งหนึ่งของจังหวัด ภายในตลาดน้ำวัดลำพญามีการขายสินค้าเกษตร พันธุ์ไม้ต่างๆ สินค้าหัตถกรรม เครื่องจักสาน สินค้าพื้นเมือง สินค้าท้องถิ่น ผักผลไม้สด ดอกไม้สด อาหารคาวหวานมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมตลาด หรือใช้บริการเรือพาย เรือแจวโบราณเพื่อเลือกซื้อสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ในเรือ หรือล่องแพชมธรรมชาติได้ด้วย ปัจจุบันภายในตลาดน้ำมีร้านค้ามากถึงกว่า 300 ร้านค้า แบ่งเป็นโซนซุ้มจาก โซนร้านค้าเรือเช่า ร้านค้าเรือส่วนตัว ร้านค้าในแพใหญ่มีโซนที่นั่งรับประทานอาหารบนแพ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดเป็นชาวบ้านตำบลลำพญาและตำบลใกล้เคียงเช่น ตำบลคลองนกกระทุง ตำบลบางระกำ ตำบลบางภาษี และตำบลนราภิรมย์ รวมทั้งยังมีพ่อค้าแม่ค้าที่มาจากอำเภอใกล้เคียงมาขายของที่ตลาดน้ำแห่งนี้อีกหลายเจ้า ตลาดน้ำวัดลำพญาเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7:00 – 16:00 น. ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ใครที่เมื่อยล้าจากการเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาดสามารถแวะพักรับบริการนวดจับเส้น นวดแผนโบราณที่ตั้งอยู่ภายในโซนวัดลำพญาจัดขึ้นได้อีกด้วย ค่าบริการนวดต่อชั่วโมงก็ไม่แพงและถือเป็นการช่วยส่งเสริมรายได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึ่ง และก่อนเดินทางกลับอย่าลืมแวะกราบสักการะ องค์พระพุทธรูปหลวงพ่อมงคลมาลานิมิต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัยของวัดลำพญา เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย



ฝึกลูกให้เป็นเด็กสองภาษาไม่ใช่เรื่องยาก

โลกปัจจุบันที่แต่ละประเทศต่างเชื่อมโยงกันด้วยเหตุผลหลายอย่างทั้งด้านการค้า การเมือง การศึกษา จึงเป็นที่ยอมรับกันว่าการรู้ภาษาที่สอง สามหรือสี่มีความจำเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีหลายครอบครัวพยายามผลักดันให้ลูกสามารถพูดได้อย่างน้อยสองภาษา หรือที่เราเรียกกันว่า เด็กสองภาษา การเป็นคนสองภาษา หรือ Bilingual นี้หมายถึงการที่คนคนหนึ่งสามารถฟังพูดได้ 2 ภาษา สื่อสารทั้งสองภาษาได้เข้าใจ โดยการเรียนรู้ทั้งสองภาษาไปพร้อมๆ กัน หรือเรียนรู้ภาษาหลักแล้วมีอีกภาษาหนึ่งตามมาทีหลังในเวลาไม่นาน โดยปกติทารกแรกเกิดจะสามารถแยกเสียงต่างๆ ได้ถึง 800 เสียง ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการฝึกให้ลูกพูดภาษาที่สองเพิ่มก็สามารถเริ่มหัดให้ลูกได้ตั้งแต่ช่วง 6 เดือนขึ้นไป แต่หากเริ่มช้าไปกว่า 1 ขวบ เด็กจะเริ่มแยกความแตกต่างของเสียงได้น้อยลง ทำให้การฝึกฝนภาษาที่สองอาจต้องใช้เวลานานขึ้นอีก ทั้งนี้การฝึกเด็กสองภาษาอาจมีข้อแนะนำบางประการที่พ่อแม่ต้องช่วยกันปฏิบัติเพื่อให้เด็กสามารถเป็นเด็กสองภาษาได้อย่างที่ตั้งใจ 1. ไม่จำเป็นว่าพ่อแม่จะต้องจบจากต่างประเทศหรือต้องเก่งภาษาที่สองมากๆ ถึงจะฝึกลูกได้ เพียงแต่ภาษาหลักที่ใช้กันในบ้านจะต้องดีก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีในการสื่อสารภาษาหลักอย่างน้อยหนึ่งภาษา หลังจากนั้นค่อยเริ่มหัดภาษาที่สอง ซึ่งทำได้แม้พ่อแม่อาจไม่คล่องในภาษาที่สองนั้นๆ เริ่มฝึกได้ง่ายๆ จากคำศัพท์ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นคำสั้นๆ ก่อนเพื่อเป็นง่ายต่อพ่อแม่ที่อาจจะไม่ได้พูดภาษาที่สองได้คล่องแคล่ว ถือว่าฝึกฝนไปพร้อมๆ กับลูก แต่ต้องสามารถฝึกพูดให้ชัดเจนได้มากกว่าเพื่อให้เด็กได้หัดฟัง แยกเสียง และพูดตาม ซึ่งปัจจุบันมีตัวช่วยมากมายให้พ่อแม่ได้ฝึกฝนร่วมไปด้วย 2. หากพ่อแม่มีภาษาหลักคนละภาษา ควรจะแยกพูดคนละภาษาชัดเจนเพื่อไม่ให้ลูกสับสนกับสำเนียง เช่นพ่อเป็นชาวอังกฤษ ก็พูดภาษาอังกฤษกับลูกอย่างเดียว ส่วนแม่คนไทยก็พูดภาษาไทยกับลูกอย่างเดียว แม่ต้องไม่พยายามพูดทั้ง 2 ภาษากับลูกเพราะเด็กอาจสับสนในการแยกแยะเสียง แต่หากพ่อกับแม่จะคุยกันเองด้วยภาษาอังกฤษก็ไม่เป็นไร เพราะขณะที่เด็กอยู่ด้วย เด็กจะสามารถแยกเสียงของทั้งพ่อและแม่ได้เอง 3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกฝนถือเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะจะสามารถช่วยแยกหมวดหมู่การฝึกฝน เช่น หนังสือรูปภาพคำศัพท์ต่างๆ นิทาน 2 ภาษา บัตรคำ เพลงเด็กๆ ที่สามารถหาได้ใน youtube ที่พ่อแม่นำมาร้องไห้ลูกฟังและอาจให้ลูกเต้น ทำท่าทางประกอบตามเป็นการเสริมการฝึกกล้ามเนื้อได้อีกด้วย นอกจากนี้การพาลูกออกไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ นอกบ้านก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้ลูกพัฒนาภาษาเพิ่มเติมได้ เช่น การพาลูกไปสนามเด็กเล่นที่มีเด็กต่างชาติมาเล่นด้วย หรือพาไปดูการ์ตูนหรือภาพยนตร์ภาษาที่สองก็ช่วยได้ 4. การฝึกเด็กสองภาษาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายนักสำหรับพ่อแม่ที่พูดภาษาที่สองไม่คล่องแคล่วนัก ดังนั้น พ่อแม่และคนในครอบครัวต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ฝึกฝน ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ของเด็กมากไป เช่น คอยแก้คำผิดให้ตลอดเวลา สิ่งนี้อาจจะทำให้เด็กไม่กล้าพูดหรือฝึกฝนต่อ เพราะอายหรือท้อที่ตนเองพูดผิดบ่อยๆ อย่าลืมว่าเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการในด้านต่างๆ แตกต่างกันออกไป พ่อแม่ควรชมและคอยกำลังใจลูกเมื่อเขาทำสำเร็จ การฝึกภาษาที่สองจึงควรค่อยเป็นค่อยไป และด้วยพัฒนาการความสามารถของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน พ่อแม่ต้องไม่ลืมสังเกตว่าลูกชื่นชอบกิจกรรมหรือวิชาอะไรเป็นพิเศษ และสนับสนุนสิ่งนั้นไปพร้อมๆ กัน โดยไม่จำเป็นต้องกดดันให้ลูกต้องเก่งเฉพาะเรื่องภาษา หากเขาไม่ถนัดในด้านภาษา เราจะได้ฝึกฝนความสามารถด้านอื่นที่เขาชอบและสนใจแทน เพื่อเป็นจุดแข็งให้เขาเกิดความมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นให้ออกมาดีที่สุดต่อไป