ติวเตอร์คณิตศาสตร์

ติวเตอร์คณิตศาสตร์ส่วนตัวนั้น สำคัญไฉน? มาลองดูกันค่ะ

1 วิชาคณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ท่องจำไม่ได้ ทำให้เวลาคะแนนสอบออกมา จะมีทั้งคนที่ได้คะแนนดีมากๆ และมีหลายคนที่สอบมาได้คะแนนน้อย สาเหตุเกิดจากผู้เรียนไม่เข้าใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่ต้องอาศัยความเข้าใจและการจดจำสูตรต่างๆ ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ส่วนตัวจะสามารถช่วยได้ในจุดนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของเทคนิคและสูตรต่างๆ ทำให้จดจำได้ง่าย และสนุกกับการเรียนเพิ่มมากขึ้น
2 การมีติวเตอร์คณิตศาสตร์ส่วนตัวนั้นช่วยให้ผู้เรียนมีสมาธิมากกว่าการเรียนแบบกลุ่ม เพราะการเรียนเป็นกลุ่มย่อมทำให้ความสนใจในการเรียนลดลง เพราะหันไปสนใจเพื่อนๆ หรือสิ่งรอบข้างมากกว่า เพราะฉะนั้นหากต้องการสมาธิในการเรียนอย่างจริงจังแล้วละก็ การเรียนพิเศษคณิตศาสตร์แบบตัวต่อตัวย่อมดีกว่าแน่นอน
3 มีติวเตอร์ส่วนตัวแล้ว ผู้เรียนสามารถเลือกเวลาในการเรียนได้เอง เพราะหากไปเรียนตามสถาบันต่างๆ เรื่องของเวลา เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถเลือกหรือกำหนดเองได้ แต่การเรียนพิเศษตัวต่อ เราสามารถที่จะปรับเวลาให้เข้ากับวิถีชีวิตของเราได้ ซึ่งก็จะเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้เรียนเป็นอย่างมาก และก็ไม่ต้องกังวลด้วยว่า จะเรียนไม่ครบเนื้อหาที่จำเป็นต้องเรียน เพราะติวเตอร์ส่วนตัวจะรู้ว่าเราเรียนหัวข้อไหนไปแล้วบ้าง
4 ครูสอนพิเศษคณิตศาสตร์ส่วนตัว จะให้ความใส่ใจกับผู้เรียนได้แบบเต็มที่ เพราะการสอนพิเศษแบบตัวต่อตัว จะทำให้ผู้สอนสามารถสอนเนื้อหาสาระ เทคนิคต่างๆ ให้กับผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีผู้เรียนเพียงแค่คนเดียว

คณิตศาสตร์อาจไม่ใช่เรื่องยากและน่าเบื่อของใครหลาย ๆ คนอีกต่อไป หากทำตามเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ใส่ใจรวบรวมมาให้ดังต่อไปนี้

1. หัดท่องจำสูตรและนำไปประยุกต์ใช้กับโจทย์คำถามอื่น ๆ ให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นสูตรมาตรฐานหรือสูตรลัดก็ตาม โดยสามารถเลือกวิธีจำสูตรในแบบที่ตัวเองถนัด แต่หากไม่สามารถจำสูตรได้ทั้งหมด ควรจำสูตรพื้นฐานให้ได้อย่างแม่นยำ เพราะการจำสูตรพื้นฐานทำให้เราสามารถนำไปปรับใช้กับคำถามข้ออื่น ๆ ที่มีวิธีการคิดคำนวณที่คล้าย ๆ กันได้
2. หมั่นทบทวนความรู้และทำแบบฝึกหัดอยู่เป็นประจำ เนื่องจากวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องอาศัยความแม่นยำในการคำนวณ การทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ ช่วยให้เกิดความคุ้นชินกับรูปแบบของโจทย์คำถามและสามารถแก้โจทย์ออกมาได้อย่างง่ายดาย
3. มีความละเอียดรอบคอบในการอ่านโจทย์ทุกครั้ง การที่ทำโจทย์ออกมาไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องส่วนใหญ่แล้วมาจากการอ่านคำถามไม่ถูกต้อง หรือที่เรียกว่าตีโจทย์ไม่แตกนั่นเอง ดังนั้น ควรให้เวลาในการอ่านและทำความเข้าใจโจทย์ให้ดีก่อนเริ่มทำทุกครั้งด้วยเช่นกัน
4. หมั่นตรวจสอบคำตอบทุกครั้งหลังจากทำโจทย์เสร็จอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ขาดตกขั้นตอนใดไปและใช้วิธีการคำนวณตัวเลขที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันการตรวจคำตอบอย่างละเอียดรอบคอบก็สามารถช่วยให้เราเข้าใจทฤษฎีที่สำคัญต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ในโจทย์เหล่าได้อีกด้วย
5. มีสมาธิในขณะทำโจทย์ต่าง ๆ พยายามทำให้เสร็จเป็นข้อ ๆ และไม่ควรแก้โจทย์แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วเลิก เพราะอาจทำให้ขาดสมาธิได้ เมื่อขาดสมาธิก็อาจทำให้ไม่สามารถจดจ่อกับโจทย์ตรงหน้าได้อีกต่อไป

หากทุกคนได้ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนคณิตศาสตร์แล้ว วิชาคณิตศาสตร์ก็จะไม่ใช่วิชาที่ยุ่งยากและน่าเบื่อสำหรับทุกคนอีกต่อไป

สำหรับนักเรียนหลาย ๆ คนที่เรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมตอนปลายและกำลังมองหามหาวิทยาลัยและคณะสาขาวิชาที่ตนเองสนใจอยู่นั้นอาจสงสัยว่า หากเรียนสายวิทย์-คณิต จะสามารถเข้าเรียนต่อคณะและสาขาวิชาใดได้บ้าง ใส่ใจเตรียมคำตอบไว้ให้แล้ว และที่สำคัญการเรียนหลักสูตรวิทย์-คณิตนั้นนักเรียนสามารถสอบเข้าได้เกือบทุกคณะสาขาเลยก็ว่าได้ ซึ่งนี่ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของนักเรียนที่เลือกเรียนสายนี้ในระดับชั้นมัธยมปลาย โดยคณะและสาขาที่เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนที่จบสายวิทย์-คณิตส่วนใหญ่มีดังนี้

1. คณะแพทยศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ศัลยแพทย์ทั่วไป ศัลยแพทย์หัวใจ ศัลยแพทย์กระดูก ศัลยกรรมตกแต่ง สูตินรีแพทย์ และแพทย์เฉพาะทางอื่น ๆ เป็นต้น
2. คณะทันตแพทย์ศาสตร์ สาขาทันตกรรมจัดฟัน ทันตกรรมหัตถการ สาขาวิทยาการวินิจฉัยโรคช่องปาก เป็นต้น
3. คณะเภสัชศาสตร์
4. คณะสัตวแพทย์ศาสตร์
5. คณะพยาบาลศาสตร์
6. คณะสหเวชศาสตร์/เทคนิคการแพทย์
7. คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สาขาวิศวกรรมการบิน สาขาวิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า สาขาวิศวกรรมเครื่องกล ฯลฯ
8. คณะเกษตรศาสตร์
9. คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ ฯลฯ
10. คณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์
11. คณะนิติศาสตร์
12. คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์ทฤษฎีและปริมาณ เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ การคลัง การเงิน การพัฒนาและการวางแผน เศรษฐศาสตร์ทั่วไปและระหว่างประเทศ ฯลฯ

เห็นได้ชัดว่าการเรียนสายวิทย์-คณิตนั้นทำให้เราสามารถเรียนต่อได้เกือบทุกคณะสาขาในระดับมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการเลือกหลักสูตรสายการเรียนของลูก ๆ เพื่ออนาคตที่ดีของเด็กนั่นเอง