ดูแลผู้สูงอายุ ใน คลองเตย, กรุงเทพมหานคร

ดูแลผู้สูงอายุ ใน คลองเตย, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Rain Ny
Rain Ny
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

รับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้เพราะทำงานแผนกผู้ป่วยหนักมา 10 ปีค่ะ ลักษณนิสัยพูดคุยกับผู้ด้วยโดยดูสีหน้าบุคคลิกของผู้ป่วยก่อนว่าเป็นคนแบบไหนชอบให้พูดคุยด้วยไหมให้กำลังใจผู้ป่วยในยามที่ท้อแท้สิ้นหวัง

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เจอเว็บใส่ใจ เข้าไปเลือกคนดูแล เอารูปกับประวัติมานั่งคุยกับคุณย่า เลยได้ป้ากิ๊กมาดูแล ป้ากิ๊กดูแลดีมาก คุณย่ามีความสุข ในเว็บใส่ใจบอกข้อมูลครบเลยทั้งประวัติการทำงาน และประวัติการศึกษา
Saijai
กฤษณ์ ชัยเขตุสานุวัฒน์
3 ปีที่แล้ว
ราคาไม่สูงเหมือนจ้างพยาบาลตามโรงพยาบาล และผู้ดูแลยังมีประสบการณ์ มั่นใจ หายห่วงเลยค่ะ
Saijai
ศรีรัตน์ สุขสวัสดิ์
3 ปีที่แล้ว
หาข้อมูล เจอเว็บใส่ใจ ที่มีพี่เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ ลองอ่านประสบการณ์เลย เจอจิต (พี่เลี้ยงดูแลพ่อ) ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลในเว็บทำให้พวกเราไม่ยากที่จะตัดสินใจ จิตทำงานดีมากเข้ากับคุณพ่อได้ดี ขอบคุณใส่ใจค่ะ
Saijai
พชร ต้นไกลสุทธฺ์
3 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
3 ปีที่แล้ว
เราจ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาดูแลคุณยายที่บ้าน พี่เขาทำงานดีมาก ๆ ที่สำคัญเลยคือพี่เขามีประสบการณ์ในการดูแลคนชรา เคยผ่านการอบรมมาแล้ว เลยทำให้เรามั่นใจ และ หายห่วงมาก ๆ
Saijai
นารีรัตน์ ภัทรบัณฑิต
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

ข้อดีของการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
การจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือคนชราที่บ้านมีข้อดีอย่างไรบ้าง ใส่ใจขออธิบายข้อดีต่าง ๆ ให้คุณได้ทำความเข้าใจดังนี้

1) การจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับลูกหลานที่มีเวลาไม่เพียงพอในการดูแลผู้สูงอายุของตน หลาย ๆ คนอาจมีงานหรือภารกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา การจ้างคนดูแลที่มีความเป็นมืออาชีพจึงเหมือนการได้ผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุในยามที่คุณไม่สะดวกด้วยเช่นกัน
2) ผู้สูงอายุจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงการดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลที่ศูนย์ดูแล บ้านพักคนชราหรือ เนอสซิ่งโฮม(Nursing Home)แล้ว จำนวนผู้สูงอายุที่มีมากอาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น การจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจึงเป็นวิธีที่สะดวกกว่ามาก
3) ผู้ดูแลส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลด้านต่าง ๆ เพราะผ่านการฝึกอบรมการปฏิบัติงานโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์โดยตรง ไม่ว่าจะการดูแลกิจวัตรประจำวัน เช่น ป้อนข้าว อาบน้ำ เช็ดตัว หรือความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และยังสามารถพูดคุยและอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุเพื่อให้ไม่รู้สึกเหงาด้วยเช่นกัน
4) ผู้สูงอายุไม่รู้สึกแปลกสถานที่เนื่องจากความเคยชินเพราะได้อยู่ที่บ้าน และไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือห่างไกลจากลูกหลาน อีกทั้งยังคงได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัวของตนเอง ที่สำคัญสภาพแวดล้อมภายในบ้านสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย และไม่วิตกกังวลจนเกินไป

เมื่อรับรู้ข้อดีของการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านตามข้อมูลข้างต้นแล้ว หากต้องการคนเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของคุณ ทางใส่ใจมีบริการจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุที่น่าไว้ใจให้คุณ

คุณสมบัติของผู้ดูแลผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง
1. สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือ คุณสมบัติทางด้านอารมณ์ความรู้สึก (moral attitude and belief) คือความพึงพอใจ ความศรัทธา เลื่อมใสที่จะใช้จริยธรรมมาเป็นแนวปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุ
2. การฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุให้ถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. อุปนิสัย ผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องมีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความจริงใจ มีความรัก ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาดีต่อผู้สูงอายุ เข้าใจและรับฟังเรื่องราวของผู้สูงอายุ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข
4. รู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำและเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม (moral reasoning)
5. อายุที่เหมาะสม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของช่วงอายุไป แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงอายุมีผลต่อวุฒิภาวะ ถ้าเด็กมากเกินไปก็อาจจะมีความอดทนที่ต่ำเพราะประสบการณ์การในชีวิตยังน้อย หรือถ้าอายุมากเกินไปก็ทำให้ความคล่องตัวในการดูแลผู้สูงวัยอาจจะมีน้อยลง
6. ประสบการณ์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่งบอกว่าคนคนนั้นเคยผ่านงานดูแลผู้สูงวัยมาก่อน ทำให้เข้าใจเนื้องานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจรายละเอียดของการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยรวมแล้วผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีใจรักในงานเป็นพิเศษ ต้องใช้ความอดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถดูแลได้ถูกวิธีและถูกใจกันทุกฝ่ายอีกด้วย
7. เป็นผู้ประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างบุตรหลานและญาติมิตรกับผู้สูงอายุ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลผู้สูงอายุแล้ว ผู้ดูแลต้องสามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่จะช่วยให้ทำงานได้ดีและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล
เมื่อเราได้พิจารณาคุณสมบัติและตัดสินใจจ้างผู้ดูแลมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของเราแล้ว เราอาจจะมีความกังวลด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นควรจะเป็นผู้ดูแลชั่วคราวแบบไป-กลับ หรือผู้ดูแลแบบที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะการที่ต้องให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเรา ในระยะแรกอาจจะต้องมีการปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน หากว่าเราอยู่ที่บ้านตลอดก็อาจช่วยลดความกังวลในด้านความปลอดภัยลงไปได้ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านต้องออกไปทำงานนอกบ้านและต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้เพียงลำพังกับผู้ดูแล ความกังวลย่อมเพิ่มมากขึ้นทั้งกับคนที่เรารักและทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แนวทางที่ช่วยลดความกังวลของผู้ว่าจ้างจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
ผู้จ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง?
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง เพื่อความสะดวกและความเข้าใจตรงกันในดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมีข้อตกลงต่าง ๆ อะไรบ้าง
จากข้อมูลสำรวจการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีผู้ดูแลผู้สูงอายุ 2 รูปแบบ

รูปแบบที่ 1: ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ บุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจผู้สูงอายุ และสามารถทำงานพยาบาลได้ เช่นช่วยอาบน้ำ ช่วยป้อนอาหาร ช่วยดูแลเรื่องยา ตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงดูแลสุขอนามัยของผู้สูงอายุ

รูปแบบที่ 2: แม่บ้านทั่วไป อาจมีความชำนาญเรื่องงานบ้านแต่เรื่องดูแลใส่ใจรายละเอียดอาจจะไม่เท่าผู้ที่ผ่านการอบรมมา

1. สิ่งที่ควรตกลงกันอย่างแรกคือขอบข่ายงานและวิธีการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เช่น งานอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้
2. ชั่วโมงการทำงาน ด้วยลักษณะงานของผู้ดูแลผู้สูงอายุ บางครั้งต้องมาอาศัยใกล้ชิดเพื่อดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา ตื่นพร้อมกันนอนพร้อมกัน หรือแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องการให้ผู้ดูแลเข้ามา ดูแลผู้สูงอายุ หากเกินเวลาที่ตกลงไว้จะต้องมีค่าจ้างพิเศษ หรือค่าล่วงเวลาที่ตามตกลงไว้ หากต้องการวันหยุดหรือวันลา ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือหาคนมาทดแทนได้
3. ยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการไว้ใจใครสักคนที่เข้ามาทำงานใกล้ชิดในบ้านนั้นยากยิ่ง ทางเลือกหนึ่งผู้ดูแลผู้สาอายุ ต้องยินยอมให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม แม้ไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างน้อยเป็นการคัดกรองผู้ดูแลผู้สูงอายุที่จะเข้ามาใกล้ชิดบุคคลในครอบครัวได้ ประวัติการทำงานและประสบการณ์การทำงาน การได้พูดคุย ถึงประวัติการทำงาน ทำให้เราได้รู้จักผู้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น อาจมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ เพื่อเปรียบเทียบหากเกิดขึ้นกับเราต้องทำอย่างไร เราจะได้รู้ว่าผู้ที่จะเข้ามาดูแลผู้สูงอายุของเราจะทำอย่างไรในเหตุการณ์ที่เราสมมุติขึ้น หากเคยทำที่หนึ่งได้แต่ทำกับเราไม่ได้เราได้บอกผู้สูงอายุไว้ก่อน หรือตกลงกันก่อนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
4. ค่าจ้าง ควรพิจารณาให้เหมาะสมและคุ้มค่าตามเนื้องานในการดูแลผู้สูงอายุในแต่ละคน

4 วิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุ

ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Aged Society) ด้วยตัวเลขข้อมูลประชากรในประเทศไทยปี 2564 ตัวเลขผู้สูงอายุในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป พบเป็นร้อยละ 20 หรือ ไม่น้อยกว่า 13 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 66.19 ล้านคน และคาดว่าในอีก 20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึง 20 ล้านคน

เมื่อจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนในด้านความคุ้มครองและคุณภาพชีวิต เกิดการบริการทางสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุหลากหลายประเภทแต่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นผู้สูงอายุสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย โดยต้องคำนึงถึงสภาพร่างกาย และสำหรับบางคนอาจต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพ และบุตรหลาน การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ คือ

1. การเดินหรือวิ่งช้าๆ เริ่มจากเบาไปหนัก เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ เริ่มจากเดินช้าๆ แล้วค่อยๆเร็วขึ้นเป็นการเดินเร็วหรือการวิ่งเบาๆ ผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าหรือข้อเท้าควรเลือกเดินอย่างเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ

2. เดินในน้ำ การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยในผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าเสื่อมได้ดี คนที่ว่ายน้ำเป็นสามารถว่ายน้ำได้ เพราะการว่ายน้ำช่วยลดแรงกระแทกของหัวเข่า และเป็นการช่วยฝึกการหายใจและฝึกกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้แข็งแรง

3. รำมวยจีน ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นของร่างกาย ฝึกความอดทนและความแข็งแรง รวมทั้งฝึกการหายใจ เรามักจะเห็นผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันรำมวยจีนตามลานออกกำลังกายต่างๆ ช่วงเช้าที่อากาศกำลังดี ทำให้ผู้สูงอายุได้เข้าสังคม ไม่เหงาหงอยอยู่ที่บ้าน สุขภาพจิตก็จะดีขึ้น

4. กายบริหาร หรือ โยคะ ทั้งสองวิธีสามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน เป็นการฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย เช่น การเขย่งปลายเท้า เหยียดน่อง แกว่งแขน หากอยากฝึกความยืดหยุ่นร่างกาย การหายใจ และความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น อาจเข้าคอร์สเรียนโยคะ หรือจ้างครูสอนโยคะมาสอนที่บ้าน เพื่อคอยดูแลและแนะนำวิธีการเล่นโยคะอย่างปลอดภัยในผู้สูงวัย

การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุมีหลายวิธี สามารถช่วยต้านทานโรค ชะลอความเสื่อมของอวัยวะ รูปร่างดีขึ้น และยังช่วยสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เสริมไปด้วย



สวนเบญจกิติ และ อุทยานเบญจสิริ คนละที่กัน อย่าสับสน

มีหลายคนที่ยังสับสนระหว่าง สวนเบญจกิติ และ อุทยานเบญจสิริ ว่าใช่ที่เดียวกันหรือไม่ ตรงไหนคือสวนเบญจกิติ ตรงไหนคืออุทยานเบญสิริ จริงๆแล้วสองที่นี้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ใช่ที่เดียวกัน

สวนเบญจกิติ (Benchakitti Park) เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 สวนเบญจกิติ ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โรงงานยาสูบเดิม ข้างศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อยู่บริเวณถนนพระราม 4 กับถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย สวนเบญจกิติเกิดจากการขุดดินถมบริเวณอาคารโรงงานยาสูบ พัฒนาพื้นที่โดยรอบ “บึงยาสูบ” ขนาด 200xx800 เมตร แล้วย้ายโรงงานยาสูบออกไปนอกกรุงเทพมหานคร ตามมติคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 โรงงานยาสูบได้มอบพื้นที่ให้เพิ่มอีก 61 ไร่ เพื่อปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น เสลา แคนา และกระโดน เพื่อให้สวนป่าร่มรื่น แสงสว่างเข้าถึง

สวนเบญจกิติถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกาย ปัจจุบันสวนเบญจกิติมีพื้นที่ทั้งหมด 130 ไร่ แบ่งเป็นลานกิจกรรมและพื้นที่สาธารณะ มีลานน้ำพุ และลานอเนกประสงค์ที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ของประชาชนได้ ด้วยความร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่มากมาย มีบึงน้ำให้รู้สึกสดชื่น ประชาชนสามารถไปพักผ่อน ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้ที่นี่หลากหลายกิจกรรม อาทิเช่น ปั่นจักรยาน (มีทางปั่นจักรยานชัดเจน และมีจักรยานให้เช่า ชั่วโมงละ 40 บาท) เดินหรือวิ่ง (มีทางวิ่งเป็นพื้นปูนหินขัดลักษณะวงรีรอบบึงขนาดใหญ่) สวนเด็กเล่นและลานออกกำลังกาย พร้อมเครื่องเล่นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐานถึง 13 ชนิด เรือถีบหงส์ให้ปั่นในบึงขนาดใหญ่ (ราคาเช่าชั่วโมงละ 40 บาท) นอกจากนี้ ในสวนยังมีบูธน้ำดื่ม อาหารและเครื่องดื่มขาย ในส่วนของห้องน้ำ สวนเบญจกิติมีห้องน้ำไว้ให้บริการถึง 2 จุด การเดินทางมาสวนเบญจกิตินั้นสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวมาได้ แต่ที่จอดอาจมีจำกัด ประมาณ 30-50 คัน เพื่อความสะดวก ไม่ต้องขับวนหาที่จอดรถ แนะนำให้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT (ลงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 3) หรือรถไฟฟ้า BTS (ลงสถานีอโศก ทางออกที่ 4) หรือใครสะดวกโดยสารรถประจำสายก็มีผ่านหลายสายเช่นกัน เช่น สาย 136, 2, 4, 23, 76 สวนเบญจกิติ เปิดตั้งแต่ 5:00 – 21:00 น. หากไปช่วงเช้าและเย็นจนค่ำ จะเห็นผู้คนมาวิ่งออกกำลังกายและทำกิจกรรมอื่นๆมากมาย

อุทยานเบญจสิริ หรือ สวนเบญจสิริ หรือเราอาจได้ยินคนเรียกสวนสาธารณะแห่งนี้ว่า “สวนเบญ” เป็นสวนชุมชนบนพื้นที่ 29 ไร่ของกรมอุตุนิยมวิทยา ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 – 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ติดกับโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์พาร์ค และห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 เช่นเดียวกับสวนเบญจกิติ แต่สร้างในสมัยรัฐบาล ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ สวนเบญจสิริเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมที่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานที่ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมเล็กๆร่วมกัน ภายในสวนมีความร่มรื่นเย็นสบาย มีลานกว้างเพื่อให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรม หากเงยหน้าขึ้นจะเห็นตึกสูงแวดล้อมรอบตัว ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่อีกที่ที่ห่างจากความวุ่นวายและแออัด แม้จะมีตึกสูงตั้งอยู่รอบด้าน

สวนเบญจสิริ มีบ่อน้ำ น้ำพุและลานอเนกประสงค์สวยๆให้ถ่ายรูป มีสนามเด็กเล่น ทางวิ่ง ลานตะกร้อ ลานเล่นสเกตบอร์ด ไปจนถึงสนามวอลเลย์บอล สนามบาสเกตบอล และสระว่ายน้ำ เรียกว่าตอบโจทย์การมาออกกำลังกาย พบปะพูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกันมากๆ เปิดให้บริการตั้งแต่ 5:00 – 21:00 น. สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีพร้อมพงษ์ ออกทางฝั่งห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม แต่ไม่แนะนำให้นำรถยนต์ส่วนตัวมาเพราะหาที่จอดได้ยาก นอกจากนี้ ภายในสวนมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไฟส่องสว่างเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องปลอดภัยให้ผู้คนที่มาออกกำลังกายและพักผ่อนในสวนเบญจสิริแห่งนี้

ไม่ว่าจะเป็นสวนเบญจกิติ หรือ สวนเบญจสิริ ทั้งสองที่ล้วนเป็นสวนสาธารณะที่ถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เหมาะกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจ ชอบที่ไหน เลือกไปที่นั่นได้เลย ดีทั้งสองที่



มาดูตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ

ตลาดสดคลองเตย เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เก่าแก่กว่า 20 ปี ขายของกันคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืนแบ่งออกเป็น 5 โซน มีสินค้าทั้งในราคาส่งและราคาปลีกในราคาสบายกระเป๋า จำหน่ายอาหารสดอาหารแห้ง อาหารทะเล เช่น หอยแครง หอยหวาน กุ้งลายเสือ ปู ปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ของแห้ง อาหารกแปรรูป ผักผลไม้สด รวมไปถึงอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ตลาดคลองเตยได้พัฒนาศักยภาพของตลาดสู่มาตรฐานสากล จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัดและยุติธรรม มีการจัดระเบียบภายในตลาด คำนึงถึงเรื่องความสะอาด ปลอดภัย และความสะดวกสบายในการมาจับจ่ายใช้สอย เป็นแหล่งกระจายรายได้แหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร

ตลาดคลองเตย ตั้งอยู่กลางเมือง บนถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ทางออกศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลา 01:00 – 05:00 น.และ 10:00 – 17:00 น. จะมีสินค้าให้เลือกมากเป็นพิเศษ มีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบายอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาด ติดกับตลาดหลักทรัพย์ รองรับรถได้หลายคัน สำหรับผู้ที่ชอบเดินตลาดยิ่งต้องแนะนำ หากต้องการซื้อของกินของใช้ในราคาย่อมเยา หรือซื้อจำนวนมากๆ กลัวมากลางวันแล้วจะร้อนก็มาหาซื้อของตอนกลางคืนได้ มีสินค้าให้เลือกสรรมากมายเช่นกัน เรียกว่าคุ้มค่า จบครบในที่เดียว