วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ประเภทงานบริการ
ผู้ดูแลผู้สูงอายุชั่วคราว ผู้ดูแลผู้สูงอายุสองภาษา ผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย รับอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น/เฝ้าไข้ ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบริการในเมืองยอดนิยม
บางเขน บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่า พระนคร บางพลัด บางบอน พระโขนง ภาษีเจริญ คลองสามวา ตลิ่งชันเคยไปเฝ้าคนชราป่วยมะเร็ง ที่ รพ ศิริราชผู้ป่วยไปทำ คีโม 12 ครั้ง 6 เดือน ผู้ป่วยไปให้คีโม 2ครั้ง/1 เดือน ,เคยดูแลคนชรา ที่ลูกสาวลูกชายไปทำงานดูแลอยู่ 3 ปี,ไปเป็นเพื่อนพาคนชราไปหาหมอ ,เป็นเพื่อนอยู่ที่พักเวลาลูกหลานไปธุระ,เตรียมอาหาร,ยาตามหมอสั่ง ดิฉันเป็นคนสะอาดเรียบร้อย มีระเบียบ พูดเพราะ ใจดีใจเย็น
ชื่อเล่น เจี๊ยบอายุ ประสบการณ์ ด้าน การทำงาน และการบริบาล-ประสบการณ์ na โรงพยาบาลสุขุมวิท2ปีรับจ๊อบเฝ้าไข้ ความสามารถ ทางด้าน การบริบาล-ทำกายภาพเบื้องต้นได้ -วัดความดัน-วัดไข้ ปรอท-วัด ออกซิเจน ในเลือดได้-ฟีทซักซั่น ปากคอ- ทำแผล กดทับได้ -เช็ดตัว อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ บนเตียงได้ - เคลื่อนย้าย ผุ้ป่วย ได้ -ใส่เครื่อง ออกซิเจนได้ - ดูแลสายปัสสาวะได้ แต่เปลี่ยนสายไม่ได้ -สวนอุจาระได้- ทำอาหาร บด อาหาร สายยาง ได้ - สื่อสาร ภาษาอังกฤษ ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ระดับ พอใช้
แสดงผล 1 ถึง 20 จาก 40 ผลการค้นหา
1 2ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ
1. ผู้ดูแลควรผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ที่สำคัญต้องมีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรง และควรมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการดูแ
2. ผู้ดูแลต้องมีใจรักไม่ว่าจะเป็นงานการบริบาล และบริการ มีจิตใจชอบช่วยเหลือและปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
3. มีความอดทนและสามารถเข้าอกเข้าใจผู้สูงอายุเป็นอย่างดีว่าต้องการอะไร เนื่องจากผู้สูงอายุหรือคนชรานั้นเป็นช่วงอายุที่ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนในหลาย ๆ เรื่อง ผู้ดูแลควรรู้ว่าจะต้องดูแลและบริการอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ
4. มีความดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุ สามารถดูแลและช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นการดูแลเรื่องอาหาร สุขอนามัย และกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ไปจนถึงการดูแลเรื่องสภาพจิตใจ ผู้ดูแลที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุยและทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับผู้สูงอายุได้เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยว
5. สามารถสื่อสารและรายงานข้อมูลระหว่างการดูแลให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุได้ตลอดเวลา เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุที่ได้ทำการว่าจ้างผู้ดูแลมาทำหน้าที่ในส่วนนี้
คุณสมบัติที่กล่าวมาข้างตนนั้นสามารถบ่งบอกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของผู้ดูแลผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี หากคุณต้องการให้ผู้สูงอายุในบ้านซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลที่คุณรักและเคารพนับถือนั้นมีความสุข โปรดอย่ามองข้ามคุณสมบัติเหล่านี้ไปก่อนเลือกใช้บริการผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านคุณ
1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง
บางกะปิ เมืองที่กำลังโต
เมื่อนึกถึงบางกะปิ สิ่งแรกๆ ที่เราคิดถึงเลยน่าจะเป็น มหาวิทยาลัย ชื่อดังทั้งของรัฐและเอกชน (มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ) อีกทั้ง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางความรู้ที่ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ของเมืองไทย นอกจากนี้แล้ว เมื่อมีรายการกีฬาสำคัญ งานแสดงคอนเสิร์ต ระดับประเทศหรือระดับนานาชาติ ส่วนใหญ่จะใช้ราชมังคลากีฬาสถาน และ สนามกีฬาหัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นสถานที่จัดงานเหล่านี้ จากทุ่งบางกะปิ ในอดีต โดยที่มาของชื่อ "บางกะปิ" นั้น ได้มีข้อสันนิษฐานมากมาย ตั้งแต่คำว่า "กบิ" หรือ "กบี่" ที่หมายถึง ลิง เพราะพื้นที่แถบนี้ในอดีตเคยเป็นป่าทึบ และมีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก (แล้วทำไมไม่เรียกบางลิงดูเหมือนจะง่ายกว่า) สัญลักษณ์ของเขตเป็นรูปหนุมานด้วย หรือมาจาก "กะปิ" ซึ่งเป็นเครื่องปรุงอาหาร เพราะพื้นที่นี้แต่เดิมอุดมสมบูรณ์ด้วยกุ้งเล็ก ๆ มากมาย ประชาชนจึงนิยมนำมาทำกะปิกันมาก อันนี้น่าจะใกล้เคียงทั้งรูป รสกลิ่น น่าเป็นที่จดจำง่าย ยังมีอีกหนึ่งที่มา โดยชื่อกะปิ มาจากชื่อหมวก ‘กะปิเยาะห์’ ของชาวมุสลิม เนื่องจากพื้นที่นี้มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก ซึ่งการแต่งกายของชาวมุสลิมส่วนใหญ่จะสวมหมวกคลุมหัวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘กะปิเยาะห์’ จึงน่าจะเป็นที่มาของชื่อ ‘บางกะปิ’ ได้เช่นกัน
ไม่ว่าที่มาจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันบางกะปิกลายเป็นศูนย์กลางหนึ่งของกรุงเทพฯ จากเดิมที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ ริมคลอง (คลองแสนแสบ) จนเมื่อเมืองขยายและการเดินทางในกรุงเทพฯ เริ่มเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก มีการตัดถนนสายใหม่ ๆ ทำให้ชุมชนเติบโตเร็วและคับคั่งไปด้วยคนที่เข้ามาอาศัย รวมถึงการเข้ามาปักธงเปิดศูนย์การค้าของกลุ่มเดอะมอลล์อย่าง เดอะมอลล์ บางกะปิ บริเวณใกล้แยกแฮปปี้แลนด์ในช่วงเวลา พ.ศ.253-พ.ส.2537 เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ย่านบางกะปิมีการเติบโตเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พื้นที่โดยรอบศูนย์การค้าแห่งนี้มีการค้าขาย สำนักงานขนาดเล็กขยายตัวเป็นวงกว้าง และมีผลให้เกิดโครงการค้าปลีกอื่น ๆ รวมถึงการเข้ามาของรถไฟฟ้า ทำให้เกิดการลงทุนสร้างอาคารสำนักงานหรือ ห้องพัก ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในย่านบางกะปิ นอกจากพื้นที่รอบสถานีลำสาลีแล้ว สถานีหัวหมาก สถานีการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสถานีรามคำแหง ทั้งหมดนี้จะกำหนดทิศทางของเขต บางกะปิ เขตที่มีพื้นที่ 28.523 ตร.กม กับจำนวนประชากร กว่า 144,000 คน
กะปิ ที่พ้องกับบางกะปิ
ระหว่างคน “บางกอก” กับ คน “บ้านนอก” ที่ทุ่งบางกะปิ คงเป็นบ้านนอกในยุคหนึ่งที่ยังเป็นทุ่ง คลองแสนแสบที่เคยใช้ยกทัพไปญวนในครั้งก่อนยังคงใส เหมือนคำที่บรรยายไว้ในนิยายรัก ดำผุดดำว่ายล้อเล่น หยอกล้อกัน ก่อนความเจริญจะเข้ามา ไม่ว่าที่มาของบางกะปิจะเป็นอย่างไรหนึ่งในนั้นคือคำว่า กะปิ ที่ คนไทยส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับ “กะปิ” อาหารหมักกลิ่นแรงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในอาหารไทยหลายตำรับเป็นอย่างดี กะปิ เป็นเครื่องปรุงรสอย่างหนึ่งที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนใต้ของประเทศจีน สำหรับประเทศไทย กะปินั้นทำมาจากหลากหลายวัตถุดิบขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ เช่น ทางฝั่งอันดามันจะเป็นกุ้งเคย จึงทำให้ กะปิมีมาจากหลากหลายที่มา เอาเป็นว่าสูตรใครสูตรมันขึ้นอยู่กับความชอบ โดยแต่ละท้องที่ในกะปิจะมีปริมาณของกรดอะมิโนและสารระเหยแตกต่างกันทำให้รสชาติและกลิ่นแตกต่างกัน กะปิ ชื่อนี้ใช้เรียก ในประเทศไทย ลาว กัมพูชา สันนิษฐานกันว่ากะปิไทยมาจาก คำว่า "กะปิ" ในภาษาไทยมาจากคำในภาษาพม่าว่า "ง่าปิ" แปลว่า "ปลาหมัก" กะปิ เคยเป็นเรื่องใหญ่ในสมัย รัชกาลที่ 3 ได้มีการตั้งภาษีกะปิ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ รับสั่งเจ้าพนักงานพระคลังสินค้าว่า จะเขียนตราตั้งและบัญชี อย่าให้ออกชื่อว่า “กะปิ” เป็นของหยาบคายต่ำช้า ให้ยักเขียนและกราบทูลเสียว่า “งาปิ” ตั้งแต่นั้นมา “งาปิ” เป็นภาษาราชการ ครั้นถึงสมัย ร.4 มีผู้กราบทูล ออกชื่อ “งาปิ” ยังไม่โปรด ว่าเหตุใดจึงต้องไปเปลี่ยนชื่อที่คนเรียกกันมาช้านาน พระรัตนโกษาทูลว่า ของอันนี้มีผู้ถูกดูแคลนอยู่...ถ้าไม่โปรด จะขอรับพระราชทานชื่ออื่นที่สมควร ลงในท้องตรา มีพระบรมราชโองการดำรัสว่า ถ้าจะแปลงควรแปลงให้หมด มิใช่แค่ครึ่งๆ กลางๆ จึงโปรดให้ใช้คำ “เยื่อเคย” แทน แล้วสั่งให้พระยามณเฑียรออกประกาศว่า ถ้าจะกราบทูลเรื่องกะปิ จะเรียกกะปิอย่างเดิมก็ได้ หรือถ้ารังเกียจก็ให้ใช้ว่า “เยื่อเคย” ก็ได้
กะปิ คิดขึ้นโดยชาวประมง ที่ต้องการจะดองกุ้งที่จับมาได้เพื่อเอาไว้รับประทานได้ในระยะเวลานาน ๆ หรือ อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่าเนื่องจากไม่สามารถขายกุ้งได้หมด จึงทำการดองเอาไว้ ไม่ว่าข้อสันนิษฐานจะเป็นอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ กะปิเป็นตำรับอาหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปัจจุบัน กะปิกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหาร และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่าง ๆ จากการผลิตกะปิขาย ย้อนกลับมาที่ทุ่งบางกะปิ ความเป็นจริงที่ได้ประจักษ์ว่า “ทุ่งบางกะปิ” ในอดีตได้กลับกลายมาเป็น “ย่านหัวหมาก” ในวันนี้
5 วิธีง่ายๆ ในการเตรียมลูกของคุณให้พร้อมสำหรับชั้นอนุบาล
ในวันไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกของลูกชาย เราซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้เพื่อสอดแนมเขาในช่วงแรก เราต้องการให้แน่ใจว่าเขาพบเด็กคนอื่นๆ เล่นด้วย และเขาจะเข้าแถวกับชั้นเรียนของเขาเมื่อถึงเวลากลับเข้าไปข้างใน เรายืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 20 นาทีโดยแอบมองจากด้านหลังต้นไม้และพูดคุยกับพ่อแม่คนอื่นๆ ที่ทำแบบเดียวกัน
เมื่อเรายืนอยู่ที่นั่น เราถามตัวเองว่า 'เราเตรียมลูกชายให้พร้อมสำหรับชั้นอนุบาลแล้วหรือยัง' พ่อแม่คนอื่นๆ ที่อยู่กับเราต่างสงสัยและกังวลในสิ่งเดียวกัน ความพร้อมของชั้นอนุบาลเป็นหัวข้อยอดนิยมในปัจจุบัน แต่เมื่อมีคนพูดว่าลูกของคุณ "พร้อมสำหรับชั้นอนุบาล" หมายความว่าอย่างไร ความพร้อมหมายถึงอะไรแตกต่างกันไปอย่างไม่น่าเชื่อจากชุมชนสู่ชุมชน โรงเรียนถึงโรงเรียน ครูถึงครู ผู้ปกครองถึงผู้ปกครอง ประเทศสู่ประเทศ
แม้ว่าคำจำกัดความของความพร้อมในชั้นอนุบาลจะแตกต่างกันไปตามบริบท ต่อไปนี้เป็นวิธีง่ายๆ 5 วิธีในการช่วยเตรียมบุตรหลานให้พร้อมสำหรับชั้นอนุบาล:
1. พูดคุยทำความเข้าใจกับเด็ก พูดคุยกับลูกของคุณตั้งแต่เนิ่นๆ และบ่อยครั้ง ตัวอย่างเช่น พูดคุยกับลูกน้อยของคุณในขณะที่คุณเปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำ ตอนที่เล่นด้วยกัน พยายามสื่อสารด้วยการพูดคุย การตอบสนองของบุตรหลานของคุณอาจเป็นคำพูดหรือไม่ใช่คำพูด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพูดคุยกับบุตรหลานของคุณและฟังคำตอบของพวกเขาอย่างใกล้ชิด “คุณต้องใส่ใจในสิ่งที่ลูกของคุณพยายามสื่อสารกับคุณจริงๆ”
2. ให้เด็กได้มีเวลาเล่น เด็กทุกคนต้องการเวลาว่างในการเล่น การให้เวลาลูกเล่นไม่ใช่เรื่องเสียเวลา ตรงกันข้ามกับการเล่นให้ประโยชน์ด้านพัฒนาการแก่เด็กมากมาย การเล่นทางกายภาพช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว และเด็กเล็กมักฝึกเล่นโดยทำซ้ำการเคลื่อนไหวเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อฝึกทักษะดังกล่าวให้ชำนาญ การเล่นเป็นกลุ่มช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะการเข้าสังคม รวมถึงวิธีแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาต่อรองและการประนีประนอม วิธีการโน้มน้าวใจและวิธีแสดงความปรารถนาของพวกเขา ประโยชน์ส่วนใหญ่จากการเล่นทางสังคมเกิดขึ้นเมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะจัดการกับความขัดแย้งของตนเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ให้น้อยที่สุด และแนะนำให้เลือกโรงเรียนอนุบาลที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างเต็มที่
3. ให้เด็กได้มีประสบการณ์โดยไม่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ ให้บุตรหลานของคุณได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนวัยเดียวกัน เช่น เรียนว่ายน้ำ หรือกิจกรรมฟังนิทาน โดยให้เด็กได้ใช้เวลาอยู่กับผู้ดูแล หรือครูพี่เลี้ยง และเพื่อน ให้เด็กรู้สึกสบายใจที่จะรับคำแนะนำและฟังผู้ใหญ่คนอื่นๆ
4. ส่งเสริมความเป็นอิสระและการดูแลตนเอง ในโรงเรียนอนุบาล ครูมักจะให้คำแนะนำแบบหลายส่วนซึ่งกำหนดให้เด็กต้องทำงานหลายอย่างให้เสร็จ การส่งเสริมให้บุตรหลานของคุณมีความเป็นอิสระและเรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองและจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ช่วยให้พวกเขาเชี่ยวชาญในการจัดการงานหลายอย่างที่โรงเรียนด้วย
5. เรียนรู้อย่างสนุกสนานและผ่อนคลาย บุตรของท่านจำเป็นต้องรู้วิธีการอ่านเมื่อเริ่มอนุบาลหรือไม่? ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลหากเด็กจะไม่อ่านหนังสือในชั้นอนุบาล แต่เด็ก จะต้องรู้จักตัวอักษร สิ่งสำคัญคือต้องสอนตัวอักษรด้วยท่าทางที่สนุกสนาน เพื่อสนับสนุนทักษะการรู้หนังสือของบุตรหลานของคุณ แทนที่จะสอนลูกของคุณเกี่ยวกับ พยัญชนะ คุณสามารถชี้ตัวอักษรบนป้ายและในขณะที่อ่านให้ลูกของคุณฟัง กุญแจสำคัญคือการช่วยให้ลูกของคุณรู้จักตัวอักษรในบริบทของสภาพแวดล้อมของพวกเขา
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง