ดูแลผู้สูงอายุ ใน บางกะปิ, กรุงเทพมหานคร

ดูแลผู้สูงอายุ ใน บางกะปิ, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ราคาไม่สูงเหมือนจ้างพยาบาลตามโรงพยาบาล และผู้ดูแลยังมีประสบการณ์ มั่นใจ หายห่วงเลยค่ะ
Saijai
ศรีรัตน์ สุขสวัสดิ์
3 ปีที่แล้ว
หาข้อมูล เจอเว็บใส่ใจ ที่มีพี่เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ ลองอ่านประสบการณ์เลย เจอจิต (พี่เลี้ยงดูแลพ่อ) ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลในเว็บทำให้พวกเราไม่ยากที่จะตัดสินใจ จิตทำงานดีมากเข้ากับคุณพ่อได้ดี ขอบคุณใส่ใจค่ะ
Saijai
พชร ต้นไกลสุทธฺ์
3 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
3 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
3 ปีที่แล้ว
เราจ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาดูแลคุณยายที่บ้าน พี่เขาทำงานดีมาก ๆ ที่สำคัญเลยคือพี่เขามีประสบการณ์ในการดูแลคนชรา เคยผ่านการอบรมมาแล้ว เลยทำให้เรามั่นใจ และ หายห่วงมาก ๆ
Saijai
นารีรัตน์ ภัทรบัณฑิต
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

ข้อดีของการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
การจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือคนชราที่บ้านมีข้อดีอย่างไรบ้าง ใส่ใจขออธิบายข้อดีต่าง ๆ ให้คุณได้ทำความเข้าใจดังนี้

1) การจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับลูกหลานที่มีเวลาไม่เพียงพอในการดูแลผู้สูงอายุของตน หลาย ๆ คนอาจมีงานหรือภารกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา การจ้างคนดูแลที่มีความเป็นมืออาชีพจึงเหมือนการได้ผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุในยามที่คุณไม่สะดวกด้วยเช่นกัน
2) ผู้สูงอายุจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงการดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลที่ศูนย์ดูแล บ้านพักคนชราหรือ เนอสซิ่งโฮม(Nursing Home)แล้ว จำนวนผู้สูงอายุที่มีมากอาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น การจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจึงเป็นวิธีที่สะดวกกว่ามาก
3) ผู้ดูแลส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลด้านต่าง ๆ เพราะผ่านการฝึกอบรมการปฏิบัติงานโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์โดยตรง ไม่ว่าจะการดูแลกิจวัตรประจำวัน เช่น ป้อนข้าว อาบน้ำ เช็ดตัว หรือความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และยังสามารถพูดคุยและอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุเพื่อให้ไม่รู้สึกเหงาด้วยเช่นกัน
4) ผู้สูงอายุไม่รู้สึกแปลกสถานที่เนื่องจากความเคยชินเพราะได้อยู่ที่บ้าน และไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือห่างไกลจากลูกหลาน อีกทั้งยังคงได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัวของตนเอง ที่สำคัญสภาพแวดล้อมภายในบ้านสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย และไม่วิตกกังวลจนเกินไป

เมื่อรับรู้ข้อดีของการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านตามข้อมูลข้างต้นแล้ว หากต้องการคนเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของคุณ ทางใส่ใจมีบริการจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุที่น่าไว้ใจให้คุณ

คุณสมบัติของผู้ดูแลผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง
1. สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือ คุณสมบัติทางด้านอารมณ์ความรู้สึก (moral attitude and belief) คือความพึงพอใจ ความศรัทธา เลื่อมใสที่จะใช้จริยธรรมมาเป็นแนวปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุ
2. การฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุให้ถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. อุปนิสัย ผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องมีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความจริงใจ มีความรัก ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาดีต่อผู้สูงอายุ เข้าใจและรับฟังเรื่องราวของผู้สูงอายุ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข
4. รู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำและเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม (moral reasoning)
5. อายุที่เหมาะสม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของช่วงอายุไป แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงอายุมีผลต่อวุฒิภาวะ ถ้าเด็กมากเกินไปก็อาจจะมีความอดทนที่ต่ำเพราะประสบการณ์การในชีวิตยังน้อย หรือถ้าอายุมากเกินไปก็ทำให้ความคล่องตัวในการดูแลผู้สูงวัยอาจจะมีน้อยลง
6. ประสบการณ์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่งบอกว่าคนคนนั้นเคยผ่านงานดูแลผู้สูงวัยมาก่อน ทำให้เข้าใจเนื้องานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจรายละเอียดของการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยรวมแล้วผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีใจรักในงานเป็นพิเศษ ต้องใช้ความอดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถดูแลได้ถูกวิธีและถูกใจกันทุกฝ่ายอีกด้วย
7. เป็นผู้ประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างบุตรหลานและญาติมิตรกับผู้สูงอายุ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลผู้สูงอายุแล้ว ผู้ดูแลต้องสามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่จะช่วยให้ทำงานได้ดีและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล
เมื่อเราได้พิจารณาคุณสมบัติและตัดสินใจจ้างผู้ดูแลมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของเราแล้ว เราอาจจะมีความกังวลด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นควรจะเป็นผู้ดูแลชั่วคราวแบบไป-กลับ หรือผู้ดูแลแบบที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะการที่ต้องให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเรา ในระยะแรกอาจจะต้องมีการปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน หากว่าเราอยู่ที่บ้านตลอดก็อาจช่วยลดความกังวลในด้านความปลอดภัยลงไปได้ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านต้องออกไปทำงานนอกบ้านและต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้เพียงลำพังกับผู้ดูแล ความกังวลย่อมเพิ่มมากขึ้นทั้งกับคนที่เรารักและทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แนวทางที่ช่วยลดความกังวลของผู้ว่าจ้างจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
ผู้จ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง?
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง เพื่อความสะดวกและความเข้าใจตรงกันในดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมีข้อตกลงต่าง ๆ อะไรบ้าง
จากข้อมูลสำรวจการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีผู้ดูแลผู้สูงอายุ 2 รูปแบบ

รูปแบบที่ 1: ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ บุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจผู้สูงอายุ และสามารถทำงานพยาบาลได้ เช่นช่วยอาบน้ำ ช่วยป้อนอาหาร ช่วยดูแลเรื่องยา ตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงดูแลสุขอนามัยของผู้สูงอายุ

รูปแบบที่ 2: แม่บ้านทั่วไป อาจมีความชำนาญเรื่องงานบ้านแต่เรื่องดูแลใส่ใจรายละเอียดอาจจะไม่เท่าผู้ที่ผ่านการอบรมมา

1. สิ่งที่ควรตกลงกันอย่างแรกคือขอบข่ายงานและวิธีการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เช่น งานอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้
2. ชั่วโมงการทำงาน ด้วยลักษณะงานของผู้ดูแลผู้สูงอายุ บางครั้งต้องมาอาศัยใกล้ชิดเพื่อดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา ตื่นพร้อมกันนอนพร้อมกัน หรือแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องการให้ผู้ดูแลเข้ามา ดูแลผู้สูงอายุ หากเกินเวลาที่ตกลงไว้จะต้องมีค่าจ้างพิเศษ หรือค่าล่วงเวลาที่ตามตกลงไว้ หากต้องการวันหยุดหรือวันลา ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือหาคนมาทดแทนได้
3. ยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการไว้ใจใครสักคนที่เข้ามาทำงานใกล้ชิดในบ้านนั้นยากยิ่ง ทางเลือกหนึ่งผู้ดูแลผู้สาอายุ ต้องยินยอมให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม แม้ไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างน้อยเป็นการคัดกรองผู้ดูแลผู้สูงอายุที่จะเข้ามาใกล้ชิดบุคคลในครอบครัวได้ ประวัติการทำงานและประสบการณ์การทำงาน การได้พูดคุย ถึงประวัติการทำงาน ทำให้เราได้รู้จักผู้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น อาจมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ เพื่อเปรียบเทียบหากเกิดขึ้นกับเราต้องทำอย่างไร เราจะได้รู้ว่าผู้ที่จะเข้ามาดูแลผู้สูงอายุของเราจะทำอย่างไรในเหตุการณ์ที่เราสมมุติขึ้น หากเคยทำที่หนึ่งได้แต่ทำกับเราไม่ได้เราได้บอกผู้สูงอายุไว้ก่อน หรือตกลงกันก่อนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
4. ค่าจ้าง ควรพิจารณาให้เหมาะสมและคุ้มค่าตามเนื้องานในการดูแลผู้สูงอายุในแต่ละคน

บางกะปิ เมืองที่กำลังโต

เมื่อนึกถึงบางกะปิ สิ่งแรกๆ ที่เราคิดถึงเลยน่าจะเป็น มหาวิทยาลัย ชื่อดังทั้งของรัฐและเอกชน (มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ) อีกทั้ง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางความรู้ที่ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ของเมืองไทย นอกจากนี้แล้ว เมื่อมีรายการกีฬาสำคัญ งานแสดงคอนเสิร์ต ระดับประเทศหรือระดับนานาชาติ ส่วนใหญ่จะใช้ราชมังคลากีฬาสถาน และ สนามกีฬาหัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นสถานที่จัดงานเหล่านี้ จากทุ่งบางกะปิ ในอดีต โดยที่มาของชื่อ "บางกะปิ" นั้น ได้มีข้อสันนิษฐานมากมาย ตั้งแต่คำว่า "กบิ" หรือ "กบี่" ที่หมายถึง ลิง เพราะพื้นที่แถบนี้ในอดีตเคยเป็นป่าทึบ และมีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก (แล้วทำไมไม่เรียกบางลิงดูเหมือนจะง่ายกว่า) สัญลักษณ์ของเขตเป็นรูปหนุมานด้วย หรือมาจาก "กะปิ" ซึ่งเป็นเครื่องปรุงอาหาร เพราะพื้นที่นี้แต่เดิมอุดมสมบูรณ์ด้วยกุ้งเล็ก ๆ มากมาย ประชาชนจึงนิยมนำมาทำกะปิกันมาก อันนี้น่าจะใกล้เคียงทั้งรูป รสกลิ่น น่าเป็นที่จดจำง่าย ยังมีอีกหนึ่งที่มา โดยชื่อกะปิ มาจากชื่อหมวก ‘กะปิเยาะห์’ ของชาวมุสลิม เนื่องจากพื้นที่นี้มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก ซึ่งการแต่งกายของชาวมุสลิมส่วนใหญ่จะสวมหมวกคลุมหัวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘กะปิเยาะห์’ จึงน่าจะเป็นที่มาของชื่อ ‘บางกะปิ’ ได้เช่นกัน

ไม่ว่าที่มาจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันบางกะปิกลายเป็นศูนย์กลางหนึ่งของกรุงเทพฯ จากเดิมที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ ริมคลอง (คลองแสนแสบ) จนเมื่อเมืองขยายและการเดินทางในกรุงเทพฯ เริ่มเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก มีการตัดถนนสายใหม่ ๆ ทำให้ชุมชนเติบโตเร็วและคับคั่งไปด้วยคนที่เข้ามาอาศัย รวมถึงการเข้ามาปักธงเปิดศูนย์การค้าของกลุ่มเดอะมอลล์อย่าง เดอะมอลล์ บางกะปิ บริเวณใกล้แยกแฮปปี้แลนด์ในช่วงเวลา พ.ศ.253-พ.ส.2537 เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ย่านบางกะปิมีการเติบโตเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พื้นที่โดยรอบศูนย์การค้าแห่งนี้มีการค้าขาย สำนักงานขนาดเล็กขยายตัวเป็นวงกว้าง และมีผลให้เกิดโครงการค้าปลีกอื่น ๆ รวมถึงการเข้ามาของรถไฟฟ้า ทำให้เกิดการลงทุนสร้างอาคารสำนักงานหรือ ห้องพัก ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในย่านบางกะปิ นอกจากพื้นที่รอบสถานีลำสาลีแล้ว สถานีหัวหมาก สถานีการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสถานีรามคำแหง ทั้งหมดนี้จะกำหนดทิศทางของเขต บางกะปิ เขตที่มีพื้นที่ 28.523 ตร.กม กับจำนวนประชากร กว่า 144,000 คน



กะปิ ที่พ้องกับบางกะปิ

ระหว่างคน “บางกอก” กับ คน “บ้านนอก” ที่ทุ่งบางกะปิ คงเป็นบ้านนอกในยุคหนึ่งที่ยังเป็นทุ่ง คลองแสนแสบที่เคยใช้ยกทัพไปญวนในครั้งก่อนยังคงใส เหมือนคำที่บรรยายไว้ในนิยายรัก ดำผุดดำว่ายล้อเล่น หยอกล้อกัน ก่อนความเจริญจะเข้ามา ไม่ว่าที่มาของบางกะปิจะเป็นอย่างไรหนึ่งในนั้นคือคำว่า กะปิ ที่ คนไทยส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับ “กะปิ” อาหารหมักกลิ่นแรงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในอาหารไทยหลายตำรับเป็นอย่างดี กะปิ เป็นเครื่องปรุงรสอย่างหนึ่งที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนใต้ของประเทศจีน สำหรับประเทศไทย กะปินั้นทำมาจากหลากหลายวัตถุดิบขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ เช่น ทางฝั่งอันดามันจะเป็นกุ้งเคย จึงทำให้ กะปิมีมาจากหลากหลายที่มา เอาเป็นว่าสูตรใครสูตรมันขึ้นอยู่กับความชอบ โดยแต่ละท้องที่ในกะปิจะมีปริมาณของกรดอะมิโนและสารระเหยแตกต่างกันทำให้รสชาติและกลิ่นแตกต่างกัน กะปิ ชื่อนี้ใช้เรียก ในประเทศไทย ลาว กัมพูชา สันนิษฐานกันว่ากะปิไทยมาจาก คำว่า "กะปิ" ในภาษาไทยมาจากคำในภาษาพม่าว่า "ง่าปิ" แปลว่า "ปลาหมัก" กะปิ เคยเป็นเรื่องใหญ่ในสมัย รัชกาลที่ 3 ได้มีการตั้งภาษีกะปิ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ รับสั่งเจ้าพนักงานพระคลังสินค้าว่า จะเขียนตราตั้งและบัญชี อย่าให้ออกชื่อว่า “กะปิ” เป็นของหยาบคายต่ำช้า ให้ยักเขียนและกราบทูลเสียว่า “งาปิ” ตั้งแต่นั้นมา “งาปิ” เป็นภาษาราชการ ครั้นถึงสมัย ร.4 มีผู้กราบทูล ออกชื่อ “งาปิ” ยังไม่โปรด ว่าเหตุใดจึงต้องไปเปลี่ยนชื่อที่คนเรียกกันมาช้านาน พระรัตนโกษาทูลว่า ของอันนี้มีผู้ถูกดูแคลนอยู่...ถ้าไม่โปรด จะขอรับพระราชทานชื่ออื่นที่สมควร ลงในท้องตรา มีพระบรมราชโองการดำรัสว่า ถ้าจะแปลงควรแปลงให้หมด มิใช่แค่ครึ่งๆ กลางๆ จึงโปรดให้ใช้คำ “เยื่อเคย” แทน แล้วสั่งให้พระยามณเฑียรออกประกาศว่า ถ้าจะกราบทูลเรื่องกะปิ จะเรียกกะปิอย่างเดิมก็ได้ หรือถ้ารังเกียจก็ให้ใช้ว่า “เยื่อเคย” ก็ได้

กะปิ คิดขึ้นโดยชาวประมง ที่ต้องการจะดองกุ้งที่จับมาได้เพื่อเอาไว้รับประทานได้ในระยะเวลานาน ๆ หรือ อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่าเนื่องจากไม่สามารถขายกุ้งได้หมด จึงทำการดองเอาไว้ ไม่ว่าข้อสันนิษฐานจะเป็นอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ กะปิเป็นตำรับอาหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปัจจุบัน กะปิกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหาร และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่าง ๆ จากการผลิตกะปิขาย ย้อนกลับมาที่ทุ่งบางกะปิ ความเป็นจริงที่ได้ประจักษ์ว่า “ทุ่งบางกะปิ” ในอดีตได้กลับกลายมาเป็น “ย่านหัวหมาก” ในวันนี้



5 วิธีง่ายๆ ในการเตรียมลูกของคุณให้พร้อมสำหรับชั้นอนุบาล

ในวันไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกของลูกชาย เราซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้เพื่อสอดแนมเขาในช่วงแรก เราต้องการให้แน่ใจว่าเขาพบเด็กคนอื่นๆ เล่นด้วย และเขาจะเข้าแถวกับชั้นเรียนของเขาเมื่อถึงเวลากลับเข้าไปข้างใน เรายืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 20 นาทีโดยแอบมองจากด้านหลังต้นไม้และพูดคุยกับพ่อแม่คนอื่นๆ ที่ทำแบบเดียวกัน

เมื่อเรายืนอยู่ที่นั่น เราถามตัวเองว่า 'เราเตรียมลูกชายให้พร้อมสำหรับชั้นอนุบาลแล้วหรือยัง' พ่อแม่คนอื่นๆ ที่อยู่กับเราต่างสงสัยและกังวลในสิ่งเดียวกัน ความพร้อมของชั้นอนุบาลเป็นหัวข้อยอดนิยมในปัจจุบัน แต่เมื่อมีคนพูดว่าลูกของคุณ "พร้อมสำหรับชั้นอนุบาล" หมายความว่าอย่างไร ความพร้อมหมายถึงอะไรแตกต่างกันไปอย่างไม่น่าเชื่อจากชุมชนสู่ชุมชน โรงเรียนถึงโรงเรียน ครูถึงครู ผู้ปกครองถึงผู้ปกครอง ประเทศสู่ประเทศ

แม้ว่าคำจำกัดความของความพร้อมในชั้นอนุบาลจะแตกต่างกันไปตามบริบท ต่อไปนี้เป็นวิธีง่ายๆ 5 วิธีในการช่วยเตรียมบุตรหลานให้พร้อมสำหรับชั้นอนุบาล:

1. พูดคุยทำความเข้าใจกับเด็ก พูดคุยกับลูกของคุณตั้งแต่เนิ่นๆ และบ่อยครั้ง ตัวอย่างเช่น พูดคุยกับลูกน้อยของคุณในขณะที่คุณเปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำ ตอนที่เล่นด้วยกัน พยายามสื่อสารด้วยการพูดคุย การตอบสนองของบุตรหลานของคุณอาจเป็นคำพูดหรือไม่ใช่คำพูด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพูดคุยกับบุตรหลานของคุณและฟังคำตอบของพวกเขาอย่างใกล้ชิด “คุณต้องใส่ใจในสิ่งที่ลูกของคุณพยายามสื่อสารกับคุณจริงๆ”

2. ให้เด็กได้มีเวลาเล่น เด็กทุกคนต้องการเวลาว่างในการเล่น การให้เวลาลูกเล่นไม่ใช่เรื่องเสียเวลา ตรงกันข้ามกับการเล่นให้ประโยชน์ด้านพัฒนาการแก่เด็กมากมาย การเล่นทางกายภาพช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว และเด็กเล็กมักฝึกเล่นโดยทำซ้ำการเคลื่อนไหวเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อฝึกทักษะดังกล่าวให้ชำนาญ การเล่นเป็นกลุ่มช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะการเข้าสังคม รวมถึงวิธีแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาต่อรองและการประนีประนอม วิธีการโน้มน้าวใจและวิธีแสดงความปรารถนาของพวกเขา ประโยชน์ส่วนใหญ่จากการเล่นทางสังคมเกิดขึ้นเมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะจัดการกับความขัดแย้งของตนเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ให้น้อยที่สุด และแนะนำให้เลือกโรงเรียนอนุบาลที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างเต็มที่

3. ให้เด็กได้มีประสบการณ์โดยไม่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ ให้บุตรหลานของคุณได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนวัยเดียวกัน เช่น เรียนว่ายน้ำ หรือกิจกรรมฟังนิทาน โดยให้เด็กได้ใช้เวลาอยู่กับผู้ดูแล หรือครูพี่เลี้ยง และเพื่อน ให้เด็กรู้สึกสบายใจที่จะรับคำแนะนำและฟังผู้ใหญ่คนอื่นๆ

4. ส่งเสริมความเป็นอิสระและการดูแลตนเอง ในโรงเรียนอนุบาล ครูมักจะให้คำแนะนำแบบหลายส่วนซึ่งกำหนดให้เด็กต้องทำงานหลายอย่างให้เสร็จ การส่งเสริมให้บุตรหลานของคุณมีความเป็นอิสระและเรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองและจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ช่วยให้พวกเขาเชี่ยวชาญในการจัดการงานหลายอย่างที่โรงเรียนด้วย

5. เรียนรู้อย่างสนุกสนานและผ่อนคลาย บุตรของท่านจำเป็นต้องรู้วิธีการอ่านเมื่อเริ่มอนุบาลหรือไม่? ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลหากเด็กจะไม่อ่านหนังสือในชั้นอนุบาล แต่เด็ก จะต้องรู้จักตัวอักษร สิ่งสำคัญคือต้องสอนตัวอักษรด้วยท่าทางที่สนุกสนาน เพื่อสนับสนุนทักษะการรู้หนังสือของบุตรหลานของคุณ แทนที่จะสอนลูกของคุณเกี่ยวกับ พยัญชนะ คุณสามารถชี้ตัวอักษรบนป้ายและในขณะที่อ่านให้ลูกของคุณฟัง กุญแจสำคัญคือการช่วยให้ลูกของคุณรู้จักตัวอักษรในบริบทของสภาพแวดล้อมของพวกเขา