ดูแลเด็ก ใน จอมทอง, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน จอมทอง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 46 ปี
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 37 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 48 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ที่บ้านมีห้องแอร์สถานที่ให้วิ่งเล่น เรียนได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 เรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า มีประสบการณ์ดูแลหลานๆของตนเองหลายคน มากกว่า5คน ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 15 ปี

แสดงเพิ่มเติม
อารตี อับดลราหมาน
อารตี อับดลราหมาน
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 26 ปี
Pavana Suntudchaiyo
Pavana Suntudchaiyo
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 56 ปี

I am in good health, kind and responsible, polite and gentle. สุภาพ สุขภาพแข็งแรง พูดเพราะ มีความรับผิดชอบ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างผ่านเว็บใส่ใจคือดีจริง ๆ พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราหายห่วงลูกเลยจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก บริการของทางใส่ใจถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน
Saijai
กรรชัย วงศ์พานิชญ์
3 ปีที่แล้ว
ลาคลอดได้แค่ 3 เดือน ค่ะ ต้องกลับไปทำงานต่อ จะฝากลูกไว้กับยายก็กลัวแกจะดูไม่ไหว เลยลองหาพี่เลี้ยงจากเว็บใส่ใจดู ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่กล้าทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่ก็วางใจอย่างนึงว่าพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว โอเคมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุชาดา มิ่งมงคล
3 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถว สุขุมวิท71 ลองใช้เว็บใส่ใจครั้งแรก เพราะเพื่อนๆ แนะนำมา อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก มองหามาหลายที่ ที่นี่รายละเอียดครบ ราคาชัดเจน โทรปรึกษาพนักงานก็อธิบายเข้าใจง่ายมาก สะดวกสบาย ง่ายกว่า search หาเองใน Google ชอบมากๆ ค่ะ
Saijai
นงคราญ แซ่ตั้ง
3 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
3 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีคืออะไร
6 ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี

1. ความรู้ด้านการส่งเสริมพัฒนาการ การส่งเสริมพัฒนาการทำได้ทั้งผ่านการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวัน พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรหากิจกรรมเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยที่เหมาะสม
2. ความอดทนและใจรักเด็ก เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งลักษณะนิสัย อารมณ์และการแสดงออก บางคนว่านอนสอนง่าย บางคนชอบเล่นซนทั้งวัน หรือบางคนงอแง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีใจรักเด็กเป็นพื้นฐาน พร้อมทำความเข้าใจและมีความอดทน พยายามหาวิธีที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจ ปลอดภัย และยอมเชื่อฟังพี่เลี้ยงในที่สุด
3. ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรู้เบอร์โทรศัพท์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเด็กหกล้มมีแผลถลอกพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้ว่าจะจัดการกับแผลถลอกอย่างไร ในกรณีฉุกเฉินพี่เลี้ยงเด็กต้องสามารถติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้
4. ทักษะการสื่อสาร เด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ พี่เลี้ยงเด็กต้องเข้าใจการสื่อสารกับเด็ก เช่น เข้าใจภาษากายของทารก การสื่อสารของเด็กเล็ก สำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารด้วยทำพูดได้แล้ว พี่เลี้ยงเด็กต้องพูดคุยเพื่อให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับและให้เด็กรู้สึกสบายใจ
5. ทักษะการแก้ปัญหา หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้วิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ตรงหน้าตามสมควรโดยไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจทุกครั้ง
6. ความคิดสร้างสรรค์ คงไม่ดีแน่หากพี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กด้วยการให้เด็กดูสมาร์ทโฟนเป็นชั่วโมง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีความคิดสร้างสรรค์เล่นกับเด็กเพื่อให้เด็กเพลิดเพลินได้นานหลายชั่วโมงและให้เด็กได้พักผ่อนตามเวลา

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติและทักษะที่ดีที่คุณพ่อและคุณแม่ควรมองหาในตัวพี่เลี้ยงเด็กที่คุณเลือกมาเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณค่ะ
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง ควรทำอย่างไร
ใส่ใจขอพูดถึงข้อกังวลและแนวทางแก้ไขเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ที่บ้าน

1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

ตลาดน้ำวัดไทรในอดีต

ตลาดน้ำฝั่งบางขุนเทียนที่โด่งดังมานานมีอยู่เพียงตลาดเดียวคือ ตลาดน้ำวัดไทร ตั้งอยู่ ถนนเอกชัย ซอย 23 (ซอยวัดไทร) แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ตลาดน้ำวัดไทร เคยเป็นตลาดน้ำที่รุ่งเรืองมากในอดีต และเป็นตลาดน้ำที่สวยงามที่สุด เป็นตลาดน้ำในคลองสนามชัย (บางคนเรียกคลองด่าน) บริเวณหน้าวัดไทร ซึ่งเป็นวัดที่สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา บริเวณวัดแต่ก่อนเป็นชุมชนใหญ่ มีผู้คนอาศัยหนาแน่น มีคลองสนามชัยเป็นคลองที่เชื่อมต่อไปยังคลองต่างๆ เพื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำหน้าวัดไทรจึงเป็นแหล่งรวมผู้คนที่สัญจรไปมา มีการค้าขายผักผลไม้โดยนำใส่เรือเพื่อมาจำหน่ายและขนส่งไปต่างถิ่นโดยรถไฟที่สถานีรถไฟมหาชัย-วงเวียนใหญ่ซึ่งตั้งอยู่หลังวัด เดิมทีที่บริเวณตลาดน้ำวัดไทรจะมีห้องแถวอยู่ประมาณ 80 ห้อง บริเวณทั้งสองฝั่งคลอง มีสะพานไม้ทอดยาวตลอดด้านหน้าตลาด เป็นท่าขนส่งสินค้าจากสวนที่จะมีเรือเข้ามาประมาณ 100-150 ลำ ต่อวัน ด้วยภาพวิถีชีวิตของคนฝั่งคลองและสภาพตลาดที่สวยงามทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมตลาดอยู่เนืองๆ กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเกือบ 40 ปี จนกระทั่งราว พ.ศ. 2520 ความเจริญเริ่มเข้ามา เริ่มมีเรือแท็กซี่ เรือยนต์ของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จนเรือค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าเริ่มลดน้อยลง อีกทั้งยังมีการสร้างถนนหนทางในเขตพื้นที่จอมทองเพิ่มมากขึ้นด้วย ตลาดน้ำวัดไทรจึงเริ่มเข้าสู่ระยะถดถอย ไม่ค่อยมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือมาขายของ ความคึกคักของตลาดเริ่มหายไป ทำให้บรรดาไกด์นำเที่ยวต้องพานักท่องเที่ยวย้ายไปชมตลาดน้ำกันแถววัดหลัก 6 อ. บ้านแพ้ว และตลาดน้ำดำเนินสะดวก อ. ดำเนินสะดวก จ. ราชบุรี ตลาดน้ำวัดไทรจึงถูกทิ้งให้ร้างไป

ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ตลาดน้ำวัดไทรได้รับการฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัยโดยสำนักงานเขตจอมทอง ทำให้ตลาดน้ำวัดไทรกลับมาคึกคักอีกครั้ง มีการแสดงภายในตลาด เช่นการเล่นเรือของศิลปินแห่งชาติ การแสดงของเด็กนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตจอมทอง มีการจำหน่ายสินค้าการเกษตร และจัดล่องเรือชมวิถีชีวิตสองฝั่งคลอง ชื่นชมทัศนียภาพและชุมชนตลอดแนวลำคลอง ชมการแสดงงู แวะชมตำหนักทอง หอกลองเก่า สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาในวัดไทร และเข้าชมวัดเก่าแก่เช่นวัดราชโอรสารามฯ วัดบางประทุนนอก และวัดนางนอนวัดหนัง ซึ่งปัจจุบันตลาดน้ำวัดไทรยังเปิดให้เที่ยวชมและมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเรื่อยๆโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์



พาชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น เขตจอมทอง

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง ตั้งอยู่ภายในวัดยายร่ม ถ. พระรามที่ 2 ซอย 33 แขวงบางมด เขตจอมทอง วัดยายร่มเป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี มีโบสถ์ 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานพระหลวงพ่อพุ่ม ที่ชาวบ้านเขตนี้เคารพบูชาอย่างมาก ชั้นล่างของโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยไม้สักทองแกะสลักสวยงาม ทำให้โบสถ์ที่วัดยายร่มมีความโดดเด่นจากหลายๆวัดในแถบนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ได้แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ส่วนแรกจะนำเสนอความเป็นมาของ “บางกอก” เมืองหน้าด่านที่สำคัญ และมีการจัดแสดงเรื่องราวการขุดคลองในสมัย สมเด็จพระไชยราชาธิราช ซึ่งทำให้เกิดคลองสำคัญคือ คลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ และแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน

ส่วนที่ 2 กล่าวถึง “คลองด่าน” ซึ่งเป็นลำคลองสายสำคัญของชาวบ้านเขตจอมทอง เป็นเส้นทางการคมนาคม แหล่งน้ำสำคัญของการทำสวนผลไม้ มี “คลองสนามชัย” เป็นคลองเชื่อมต่อกับคลองด่านเพื่อเป็นทางในการขนส่งสินค้า อาหารทะเล เกลือทะเล และถ่านไม้โกงกาง และเป็นที่ตั้งของตลาดน้ำวัดไทร ตลาดน้ำที่โด่งดังมากในสมัยนั้นเพราะเป็นแหล่งรวมผลผลิตทางการเกษตรในย่านฝั่งธนบุรี นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเส้นทางรถไฟสาย มหาชัย-วงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นสายการค้า พ่อค้าแม่ค้าจะขนส่งอาหารทะเลโดยทางรถไฟเสียส่วนมาก ปัจจุบันรถไฟสายนี้ยังคงดำเนินการอยู่ โดยจะออกทุก 1 ชั่วโมง

ส่วนที่ 3 เสนอภูมิปัญญาของชาวสวนลิ้นจี่ คือ เครื่องมือไล่กระรอกและค้างคาว ที่มากินผลไม้ในสวน ซึ่งจะทำจากไม้ผ่าตรงกลาง ร้อยด้วยเชือกและนำไปแขวนเป็นระยะๆ ตามต้นไม้ ตกกลางคืนชาวสวนจะออกมาดึงเชือกเพื่อให้เกิดเสียง เป็นการไล่สัตว์ที่มากินผลไม้ ชาวสวนเรียกเครื่องมือนี้ว่า “ตะขาบ”

ส่วนที่ 4 กล่าวถึงศิลปะเฉพาะซึ่งเป็นศิลปกรรมแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 คือ ศิลปะแบบวัดนอกอย่าง โดยมีวัดราชโอรส เป็นต้นแบบของวัดนอกอย่าง นอกจากนี้ยังมี วัดนางนอง และวัดหนัง จุดเด่นของวัดนอกอย่างคือ หน้าบันที่มีช่อฟ้า ใบระกาทำด้วยการก่ออิฐถือปูนแทนที่จะทำด้วยไม้เหมือนวัดทั่วๆไป และยังนิยมประดับด้วยเครื่องเคลือบสีต่างๆ ศิลปะส่วนใหญ่ตามกระถางธูป กระถางต้นไม้ จะมีลวดลายแบบจีน เพราะรัชกาลที่ 3 ทรงติดต่อค้าขายกับพ่อค้าชาวจีน ด้วยเหตุนี้เรามักได้ยินคำกล่าวถึงเขตจอมทองว่า “จอมทองจุดกำเนิดวัดนอกอย่าง”

ส่วนที่ 5 เป็นส่วนสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์ที่แบ่งการจัดแสดงเป็น 2 หัวข้อ หัวข้อแรกคือเรื่องของศิลปวัฒนธรรมในเขตจอมทอง เช่น ลิเกเด็กของคณะมงคลศิลป์ โรงเรียนวัดมงคลวราราม หรือ โขนจิ๋วจากโรงเรียนอนุบาลบ้านยิ้ม และโขนเด็กจากโรงเรียนศาลาครืน ส่วนประเพณีสำคัญของเขตนี้คือ การก่อเจดีย์ทรายในงานประเพณีสงกรานต์ วัดบางขุนเทียน และประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำของวัดบางประทุนนอก รวมไปถึงประเพณีแข่งเรือของวัดบางขุนเทียนกลาง หัวข้อที่สองคือบุคคลสำคัญของเขตจอมทอง อาทิเช่น ครูเพลงที่เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงหลายคน เช่น ครูบุญเลิศ ครูบุญยง และครูบุญยัง เกตุคง รวมไปถึงหลวงปู่วัดหนัง อดีตเจ้าอาวาสวัดหนังผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้านจอมทอง

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 9:00-16:30 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย การเดินทางก็สะดวกสบาย สามารถขับรถส่วนตัวไปได้ มีลานจอดรถให้บริการ



รับมือเด็กวัยทอง 2 ขวบ

เด็กวัยทอง 2 ขวบ หรือ Terrible Two เป็นช่วงที่เด็กกำลังเติบโต แข็งแรงมากกว่าตอนทารก พฤติกรรมเกเรจะเริ่มตั้งแต่ 18 เดือน ถึง 4 ขวบ พวกเขาเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เริ่มรู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร อยากทำอะไร เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านหากถูกบังคับ มีการเรียกร้องความสนใจด้วยการอาละวาด กรีดร้อง แสดงความไม่พอใจ ขว้างปาสิ่งของ แสดงความท้าทายต่อคำสั่ง เรียกว่าเด็กในวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์สูง สมองส่วนควบคุมอารมณ์เติบโตเร็วกว่าสมองส่วนควบคุมเหตุผล ซึ่งถือเป็นพัฒนาการของเด็กอย่างหนึ่งที่กำลังทำความรู้จักกับสิ่งรอบตัว และเริ่มแสดงพฤติกรรม มีการแสดงออกที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปต่างๆอาจกลายเป็นการปล่อยให้ลูกใช้อารมณ์และเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป คุณพ่อคุณแม่จึงควรเตรียมรับมือเด็กวัยนี้ เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอใช้อารมณ์ตอบโต้ลูกๆวัยทอง

อาการหลักๆของเด็กวัยทองคือมักมีอารมณ์ฉุนเฉียว อาจจะเพราะหิว ไม่ได้รับความสนใจ กังวล หรือรู้สึกเหนื่อย งานวิจัยของรัฐแคลิฟอร์เนีย แบ่งเด็กวัยทองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ถูกบังคับจากครอบครัว และ กลุ่มที่ได้รับความเข้าใจจากครอบครัว กลุ่มแรกเกิดจากการที่พ่อแม่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของลูก จึงเกิดการดุด่าว่ากล่าว ไปจนถึงใช้กำลังหรือตีเพื่อให้เด็กหยุดก้าวร้าว แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลและไม่รับฟังเหตุผลของลูก กลุ่มที่สองคือ เด็กที่พ่อแม่เข้าใจภาวะวัยทอง และเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว ใช้เหตุผลพูดคุยเมื่อเกิดปัญหา ลดความขัดแย้ง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเด็กจะเข้าหาพ่อแม่เอง

วิธีรับมือเด็กวัยทอง

1. ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ เพื่อไม่ให้เขาหงุดหงิดเวลาตื่น รวมถึงพยายามให้ลูกรับประทานอาหารตรงเวลา ฝึกให้เป็นกิจวัตร เพราะหากเขาหิวมากเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุให้เขาโมโห หรือมีอารมณ์ฉุนเฉียว

2. พ่อแม่ควรพยายามทำความเข้าใจเด็กวัยนี้ และมีความอดทนอดกลั้น ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อลูกเริ่มแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด พร้อมทั้งลองยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกได้รู้สึกว่าเขามีอำนาจในการตัดสินใจเลือกเองได้

3. ลองเปลี่ยนแปลงวิธีพูดกับลูก เปลี่ยนการ “ห้าม” เป็นบอก “ให้ทำ” เลี่ยงคำว่า “อย่า” หรือ “ห้าม” เช่นลูกจะปาของ ควรบอกให้เขา “ค่อยๆหยิบวางนะลูก” แทนการพูดว่า “อย่าโยน”

4. สร้างตารางเวลาให้ลูกชัดเจน เพื่อให้เขารู้ว่าเวลาไหนควรจะทำอะไร และหากิจกรรมสนุกๆให้ลูกได้ใช้พลังให้เต็มที่ ไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายกับการทำสิ่งเดิมๆนานๆ

หากพ่อแม่เตรียมความพร้อมรับมือเด็กวัยทองไว้อย่างดี ก็จะไม่เกิดปัญหาภายในครอบครัวให้ต้องหงุดหงิดทั้งพ่อแม่และลูกรัก