วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ประเภทงานบริการ
ผู้ดูแลผู้สูงอายุชั่วคราว ผู้ดูแลผู้สูงอายุสองภาษา ผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย รับอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น/เฝ้าไข้ ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบริการในเมืองยอดนิยม
บางเขน บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่า พระนคร บางพลัด บางบอน พระโขนง ภาษีเจริญ คลองสามวา ตลิ่งชันชื่อเล่น เจี๊ยบอายุ ประสบการณ์ ด้าน การทำงาน และการบริบาล-ประสบการณ์ na โรงพยาบาลสุขุมวิท2ปีรับจ๊อบเฝ้าไข้ ความสามารถ ทางด้าน การบริบาล-ทำกายภาพเบื้องต้นได้ -วัดความดัน-วัดไข้ ปรอท-วัด ออกซิเจน ในเลือดได้-ฟีทซักซั่น ปากคอ- ทำแผล กดทับได้ -เช็ดตัว อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ บนเตียงได้ - เคลื่อนย้าย ผุ้ป่วย ได้ -ใส่เครื่อง ออกซิเจนได้ - ดูแลสายปัสสาวะได้ แต่เปลี่ยนสายไม่ได้ -สวนอุจาระได้- ทำอาหาร บด อาหาร สายยาง ได้ - สื่อสาร ภาษาอังกฤษ ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ระดับ พอใช้
I am an honest woman without bad habits. I have experience in caring for post-stroke patients and patients with diabetes. You can also cook Thai and European food. If necessary, I can drive a car. (I have a driver's license) And keep the house clean at the request of the owner. Conscientious and kind attitude towards the patient is guaranteed.
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ
1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
1. ตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ทำการว่าจ้างมา เพื่อให้แน่ใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นไม่เคยมีประวัติการกระทำที่ผิดกฎหมายมาก่อน โดยสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. สอบถามประวัติการทำงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยอาจสอบถามจากผู้ว่าจ้างโดยตรงว่าเคยดูแลผู้สูงอายุมาอย่างไรบ้าง มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนในการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกันก็สามารถสอบถามจากผู้ว่าจ้างที่เคยทำการจ้างก่อนหน้านี้ได้เช่นเดียวกัน
3. ฝากฝังทางเพื่อนบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลอีกทีหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านจะสามารถติดต่อหาเราได้ทันทีหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
4. หากว่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุโดยหาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควรศึกษาคำวิจารณ์หรือรีวิวจากผู้ใช้ก่อนหน้าว่ามีความคิดเห็นต่อการบริการอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นน่าเชื่อถือและเป็นคนมีความเป็นมืออาชีพจริง ๆ
5. การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ถือเป็นการป้องกันความปลอดภัยที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน
1. ทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยสิ่งที่ควรระบุอยู่ในสัญญาอย่างชัดเจนได้แก่ ระยะเวลาการดูแล วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ ชั่วโมงการทำงาน จำนวนค่าจ้าง รวมไปถึงสวัสดิการและวันหยุดที่ผู้ดูแลควรได้รับตามกฎหมายแรงงาน โดยที่ทั้งสองฝ่ายต้องเซ็นยินยอมเพื่อเป็นการรับรู้ต่อสัญญาและข้อกำหนดที่ได้ตกลงกันไว้
2. ผู้ว่าจ้างควรอธิบายข้อมูลส่วนตัวของผู้สูงอายุให้กับผู้ดูแลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปนิสัย ความชอบส่วนตัว อาหารที่กินได้และไม่ได้ ที่สำคัญหากผู้สูงอายุมีโรคประจำตัว ผู้ว่าจ้างควรบอกให้ผู้ดูแลรับรู้ก่อนเพื่อให้ผู้ดูแลสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้
3. อธิบายขอบเขตและวิธีการทำงานให้กับผู้ดูแลอย่างชัดเจน สิ่งใดที่ทำได้และไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันขั้นเบื้องต้น
4. ข้อตกลงเรื่องที่อยู่อาศัย หากผู้ว่าจ้างต้องการให้ผู้ดูแลอาศัยอยู่ที่บ้านตลอดช่วงระยะการดูแลผู้สูงอายุ ควรจัดเตรียมที่พักอาศัยให้กับผู้ดูแล รวมไปถึงแจกแจงเรื่องกฎในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในบ้านตลอดช่วงระยะเวลาเช่นกัน
5. ใส่ใจในเรื่องของสุขอนามัยของผู้ดูแลที่ทำการว่าจ้างมา หากผู้ดูแลมีอาการป่วยกะทันหัน ผู้ว่าจ้างควรออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่ผู้ดูแลควรได้รับ และควรให้ผู้ดูแลลางานได้ทันที เพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อผู้สูงอายุภายในบ้าน
การทำข้อตกลงในการว่าจ้างนั้นนอกจากจะเป็นการช่วยให้ทำความเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว ยังช่วยสร้างความสบายใจให้กับทั้งสองฝ่ายได้อีกด้วย
เรื่องน่ารู้ของเขตบางแค
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “บางแค” คนส่วนใหญ่มักนึกถึง “สถานสงเคราะห์บ้านบางแค2” “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์” “มหาวิทยาลัยธนบุรี” หรือ “ความหนาแน่นของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้” แต่ความจริงแล้วเขตนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายสิ่งด้วยกัน
เขตบางแค ตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกของฝั่งธนบุรี ในอดีตมีชื่อเดิมว่า ตำบลหลักหนึ่ง ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น ตำบลบางแค ตามชื่อคลองสายหนึ่งที่ไหลผ่านหมู่บ้าน มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตเกษตรกรรมผสมผสานเพราะมีอาณาบริเวณติดต่อกับลำคลองทั้ง 4 ทิศ โดยจากภาพรวมของลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ในย่านบางแคนี้ จะมักถูกมองว่า ผู้คนใช้การเดินทางโดยเรือเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วเขตนี้มีการขนส่งสาธารณะครบทุกรูปแบบให้เลือกใช้บริการไม่ว่าจะเป็น รถเมล์ รถแท็กซี่ หรือรถไฟฟ้าที่ทำให้ผู้คนเดินทางไปมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ปัจจุบัน เขตบางแค ถูกแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 4 แขวง คือ แขวงบางแค แขวงบางแคเหนือ แขวงบางไผ่ และแขวงหลักสอง มีผู้คนอาศัยอยู่เกือบสองแสนคน ซึ่งมีมากเป็นอันดับ 3 ของกรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ 44.456 ตารางกิโลเมตร มีถนนทางสายหลักในพื้นที่ 7 สาย คือ ถนนเพชรเกษม ถนนกาญจนาภิเษก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3901และ 3902 ถนนพุทธมณฑล สาย 2 และสาย 3 และถนนกัลปพฤกษ์ ส่วนทางสายรองและทางลัดนั้นมีถึง 15 เส้นทางด้วยกัน ชุมชนบางแคมีความหลากหลายของศาสนา อันสังเกตได้จากมีสถานที่เคารพของแต่ทางศาสนา ทั้งวัด ศาลเจ้า และโบสถ์ มีตั้งอยู่หลายแห่งในเขตพื้นที่นี้ และจุดเด่นอีกอย่างของย่านนี้ นั่นคือ สถานศึกษาที่เรียงรายตลอดเส้นทาง มีตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และระดับอุดมศึกษา ที่มีให้ พ่อ แม่ ผู้ปกครองเลือกเส้นทางการศึกษาให้ลูกหลานได้อย่างหลากหลาย
สถานที่สำคัญในเขตบางแค
นับว่าเป็นความโชคดีของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตบางแค เพราะนอกจากจะมีเส้นทางการคมนาคมที่หลากหลาย และสถานที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานราชการ วัด โบสถ์ ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาล สถานศึกษา บ้านพักคนชรา แหล่งเกษตรกรรม กลายเป็นพื้นที่ ที่มีทั้งแหล่งงาน และที่พักอาศัย ในหลากหลายวัย หลากหลายศาสนา มาอยู่รวมกัน มีประชากรอาศัยอยู่ในเขตนี้เกือบสองแสนคน โดยมีการกระจายตัวหนาแน่นอยู่กันบริเวณแขวงบางแค สถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงดังกล่าว เช่น
-สวนเพชรกาญจนารมย์ สถานที่ที่เหมาะกับผู้คนทุกเพศ ทุกวัยในการเข้าใช้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด สวนแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก ใต้สะพานข้ามทางแยกหน้าห้างเดอะมอลล์ บางแค แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ในอดีตสวนบริเวณนี้ถูกปล่อยให้รกร้าง เพราะเป็นพื้นที่ของกรมทางหลวง หลังจากนั้น >ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ปรับปรุงใหม่ด้วยงบประมาณกว่าสิบล้านบาทเพื่อปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับชาวบางแค สวนเพชรกาญจนารมย์ มีเนื้อที่ 9 ไร่เศษ บริเวณภายในสวนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีลานกิจกรรม อุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้ง สนามฟุตซอล และทางวิ่งคอนกรีตรอบละประมาณ 500 เมตร เหมาะสำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย และต้องการพักผ่อนหย่อนใจในยามเย็น อีกทั้งกลางสวนมีบึงน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เป็นแก้มลิงกักเก็บน้ำในสถานการณ์น้ำท่วมได้เป็นอย่างดีของเขตพื้นที่นี้ และบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
-โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี หากพูดถึงสถานศึกษาที่โด่งดังในย่านนี้ คงต้องนึกถึงโรงเรียนนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 92 ถนนอัสสัมชัญ แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160 บนเนื้อที่ทั้งหมด 80 ไร่ 27 ตารางวา ปัจจุบันโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีมีอายุครบ 60 ปี ก่อตั้งโดยคณะภราดาเซนต์คาเบรียล เดิมเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ได้รับนักเรียนหญิงเข้ามาในช่วงปีพุทธศักราช 2552 จึงเปลี่ยนแปลงเป็นโรงเรียนสหศึกษานับแต่นั้นมา
ความต่างของการดูแลผู้สูงอายุเองกับจ้างผู้ดูแลแทน
เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรช้าลงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้สูงอายุคือประชากรกลุ่มใหญ่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดกรุงเทพมหานคร วัยสูงอายุ หรือ วัยชราตามกฎหมายไทยคือบุคคลที่มีอายุอยู่ในช่วงปลายของชีวิตตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ยิ่งไปกว่านั้นสัดส่วนประชากรสูงวัยในประเทศไทยจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นในอนาคตข้างหน้า จนเป็น ‘สังคมผู้สูงอายุ’ อย่างเต็มตัว โดยอ้างอิงจาก มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย
การเรียนรู้ที่จะดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต นับเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถส่งผลดีทั้งตัวผู้สูงอายุเองและต่อคนรอบข้าง ไม่ว่าการดูแลแบบครอบครัว ซึ่งสามารถดูแลโดยลูกหลานที่สลับผลัดเปลี่ยนกันมาพูดคุย ใช้เวลาว่าง รับประทานอาหารหรือทำกิจกรรมในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเติมเต็มความรัก มีผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ สามารถทำให้ท่านรู้สึกถูกดูแลเอาใจใส่ ลดความรู้สึกอ้างว้างและการถูกทอดทิ้ง เพราะผู้สูงอายุโดยส่วนใหญ่จะกลัวการถูกปล่อยปละละเลย ถึงแม้ใจอยากฝากชีวิตไว้ให้ลูกหลานดูแลในบั้นปลายชีวิต แต่มักแสดงออกมาในรูปแบบที่ต่างออกไป เช่น รู้สึกกังวลว่าจะเป็นภาระให้ลูกหลาน มีการพูดประชด น้อยใจ หรืออารมณ์หงุดหงิดง่าย ดังนั้นการดูแลจากคนในครอบครัวจึงเป็นหัวใจสำคัญในการตัดความกังวลเหล่านี้ได้ดี อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดที่รู้ใจท่านมากที่สุด หากครอบครัวใดมีความพร้อมในการดูแล ควรร่วมมือ ผลัดกันดูแลท่านจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุยังมีอีกหลากหลายรูปแบบตามลักษณะทางกายภาพของแต่ละคน เช่น บางคนอาจมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงที่คนในครอบครัวสามารถผลัดกันดูแลได้ บางคนอาจมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง หรือบางคนอาจจะมีความพิการบางส่วน ที่จำเป็นต้องได้รับการแนะนำ ดูแล จากผู้ที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ในสถานที่ที่เหมาะสม ถูกสุขลักษณะ จึงจะส่งผลดีต่อท่านมากกว่าการดูแลกันเอง
หากครอบครัวใดที่ไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุที่ต้องดูแลเป็นพิเศษดังกล่าวนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลของสถานที่, เวลาการทำงานไม่ตรงกัน, สมาชิกในครอบครัวมีภาระหน้าที่ต้องทำงาน และตัวผู้สูงอายุเองต้องการอยู่กับครอบครัวไม่อยากถูกส่งตัวไปบ้านพักคนชรา หรือสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ เพราะไม่อยากให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมา สามารถมองหาแนวทางแก้ไขอื่น ๆ ได้ เช่น หาผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ไว้ใจได้มาดูแลที่บ้านแทน แต่ก่อนทำการตัดสินใจต้อง สืบประวัติ ตกลงเรื่องลักษณะงานและค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่เกิดขึ้นในแบบที่ไม่คาดคิดในภายภาคหน้าได้ เช่น การทำร้ายร่างกาย, สิ่งของในบ้านหาย ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดผู้ประกอบการด้านหาผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุขึ้น เพื่อมาเป็นคนกลางช่วยหาลูกค้าและคนดูแลผู้สูงอายุให้ มีการทำสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย, ทำการฝึก อบรม ก่อนการเข้าทำงาน บางบริษัทมีบริการเสริมเช่น ทำงานบ้านควบคู่ไปด้วย ส่งผลดีต่อคนรอบข้างที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานประจำ ที่เมื่อกลับมายังต้องทำงานบ้าน งานดูแลผู้สูงอายุอีก หากมีผู้ช่วยเหล่านั้นจะเป็นการแบ่งเบาความล้าเหล่านั้นได้ และมีเวลาที่เหลือจากการงานมาสร้างรอยยิ้ม และมอบความสุขให้กับช่วงเวลาที่เหลือในบั้นปลายชีวิตของผู้สูงอายุอีกด้วย
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง