ดูแลผู้สูงอายุ ใน คลองเตย, กรุงเทพมหานคร

ดูแลผู้สูงอายุ ใน คลองเตย, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เจอเว็บใส่ใจ เข้าไปเลือกคนดูแล เอารูปกับประวัติมานั่งคุยกับคุณย่า เลยได้ป้ากิ๊กมาดูแล ป้ากิ๊กดูแลดีมาก คุณย่ามีความสุข ในเว็บใส่ใจบอกข้อมูลครบเลยทั้งประวัติการทำงาน และประวัติการศึกษา
Saijai
กฤษณ์ ชัยเขตุสานุวัฒน์
3 ปีที่แล้ว
ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
3 ปีที่แล้ว
สะดวก ง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอนเราก็สามารถหาคนดูแลผู้สูงอายุได้ อีกอย่างในเว็บไซต์มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้เราได้ศึกษาก่อนทำการจ้างอีกด้วย พอได้อ่านข้อมูลทำให้เราได้รู้วิธีการเตรียมตัวก่อนจ้างคนดูแลมาดูแลคุณแม่ เป็นข้อแนะนำที่ดีมาก ๆเลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
Saijai
วิกานดา ทองดี
3 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
3 ปีที่แล้ว
เราจ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาดูแลคุณยายที่บ้าน พี่เขาทำงานดีมาก ๆ ที่สำคัญเลยคือพี่เขามีประสบการณ์ในการดูแลคนชรา เคยผ่านการอบรมมาแล้ว เลยทำให้เรามั่นใจ และ หายห่วงมาก ๆ
Saijai
นารีรัตน์ ภัทรบัณฑิต
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ทักษะสำคัญที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรมี
การที่เราจะเลือกใครสักคนมาดูแลผู้สูงอายุในบ้านของเรา แน่นอนว่าต้องมีปัจจัยและคุณสมบัติหลายอย่างในการตัดสินที่จะรับบุคคลภายนอกเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของเราทั้งในช่วงเวลาที่เราอยู่หรือไม่อยู่บ้านก็ตาม คุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่คาดหวังสำหรับคนดูแลผู้สูงอายุ มีดังต่อไปนี้

1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
อะไรที่ช่วยให้คุณคลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชราอยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง
แม้ว่าคุณจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ดูแลที่ทำการว่าจ้างอย่างครบถ้วนและได้ตัดสินใจจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุมาแล้วนั้น เป็นเรื่องปกติหากคุณจะยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ อยู่ สิ่งที่จะช่วยให้คุณคลายความกังวลหากต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่กับผู้ดูแลตามลำพังที่บ้านมีดังนี้

1. ตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ทำการว่าจ้างมา เพื่อให้แน่ใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นไม่เคยมีประวัติการกระทำที่ผิดกฎหมายมาก่อน โดยสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. สอบถามประวัติการทำงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยอาจสอบถามจากผู้ว่าจ้างโดยตรงว่าเคยดูแลผู้สูงอายุมาอย่างไรบ้าง มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนในการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกันก็สามารถสอบถามจากผู้ว่าจ้างที่เคยทำการจ้างก่อนหน้านี้ได้เช่นเดียวกัน
3. ฝากฝังทางเพื่อนบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลอีกทีหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านจะสามารถติดต่อหาเราได้ทันทีหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
4. หากว่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุโดยหาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควรศึกษาคำวิจารณ์หรือรีวิวจากผู้ใช้ก่อนหน้าว่ามีความคิดเห็นต่อการบริการอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นน่าเชื่อถือและเป็นคนมีความเป็นมืออาชีพจริง ๆ
5. การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ถือเป็นการป้องกันความปลอดภัยที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

4 วิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุ

ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Aged Society) ด้วยตัวเลขข้อมูลประชากรในประเทศไทยปี 2564 ตัวเลขผู้สูงอายุในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป พบเป็นร้อยละ 20 หรือ ไม่น้อยกว่า 13 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 66.19 ล้านคน และคาดว่าในอีก 20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึง 20 ล้านคน

เมื่อจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนในด้านความคุ้มครองและคุณภาพชีวิต เกิดการบริการทางสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุหลากหลายประเภทแต่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นผู้สูงอายุสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย โดยต้องคำนึงถึงสภาพร่างกาย และสำหรับบางคนอาจต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพ และบุตรหลาน การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ คือ

1. การเดินหรือวิ่งช้าๆ เริ่มจากเบาไปหนัก เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ เริ่มจากเดินช้าๆ แล้วค่อยๆเร็วขึ้นเป็นการเดินเร็วหรือการวิ่งเบาๆ ผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าหรือข้อเท้าควรเลือกเดินอย่างเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ

2. เดินในน้ำ การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยในผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าเสื่อมได้ดี คนที่ว่ายน้ำเป็นสามารถว่ายน้ำได้ เพราะการว่ายน้ำช่วยลดแรงกระแทกของหัวเข่า และเป็นการช่วยฝึกการหายใจและฝึกกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้แข็งแรง

3. รำมวยจีน ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นของร่างกาย ฝึกความอดทนและความแข็งแรง รวมทั้งฝึกการหายใจ เรามักจะเห็นผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันรำมวยจีนตามลานออกกำลังกายต่างๆ ช่วงเช้าที่อากาศกำลังดี ทำให้ผู้สูงอายุได้เข้าสังคม ไม่เหงาหงอยอยู่ที่บ้าน สุขภาพจิตก็จะดีขึ้น

4. กายบริหาร หรือ โยคะ ทั้งสองวิธีสามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน เป็นการฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย เช่น การเขย่งปลายเท้า เหยียดน่อง แกว่งแขน หากอยากฝึกความยืดหยุ่นร่างกาย การหายใจ และความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น อาจเข้าคอร์สเรียนโยคะ หรือจ้างครูสอนโยคะมาสอนที่บ้าน เพื่อคอยดูแลและแนะนำวิธีการเล่นโยคะอย่างปลอดภัยในผู้สูงวัย

การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุมีหลายวิธี สามารถช่วยต้านทานโรค ชะลอความเสื่อมของอวัยวะ รูปร่างดีขึ้น และยังช่วยสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เสริมไปด้วย



สวนเบญจกิติ และ อุทยานเบญจสิริ คนละที่กัน อย่าสับสน

มีหลายคนที่ยังสับสนระหว่าง สวนเบญจกิติ และ อุทยานเบญจสิริ ว่าใช่ที่เดียวกันหรือไม่ ตรงไหนคือสวนเบญจกิติ ตรงไหนคืออุทยานเบญสิริ จริงๆแล้วสองที่นี้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ใช่ที่เดียวกัน

สวนเบญจกิติ (Benchakitti Park) เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 สวนเบญจกิติ ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โรงงานยาสูบเดิม ข้างศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อยู่บริเวณถนนพระราม 4 กับถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย สวนเบญจกิติเกิดจากการขุดดินถมบริเวณอาคารโรงงานยาสูบ พัฒนาพื้นที่โดยรอบ “บึงยาสูบ” ขนาด 200xx800 เมตร แล้วย้ายโรงงานยาสูบออกไปนอกกรุงเทพมหานคร ตามมติคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 โรงงานยาสูบได้มอบพื้นที่ให้เพิ่มอีก 61 ไร่ เพื่อปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น เสลา แคนา และกระโดน เพื่อให้สวนป่าร่มรื่น แสงสว่างเข้าถึง

สวนเบญจกิติถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกาย ปัจจุบันสวนเบญจกิติมีพื้นที่ทั้งหมด 130 ไร่ แบ่งเป็นลานกิจกรรมและพื้นที่สาธารณะ มีลานน้ำพุ และลานอเนกประสงค์ที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ของประชาชนได้ ด้วยความร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่มากมาย มีบึงน้ำให้รู้สึกสดชื่น ประชาชนสามารถไปพักผ่อน ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้ที่นี่หลากหลายกิจกรรม อาทิเช่น ปั่นจักรยาน (มีทางปั่นจักรยานชัดเจน และมีจักรยานให้เช่า ชั่วโมงละ 40 บาท) เดินหรือวิ่ง (มีทางวิ่งเป็นพื้นปูนหินขัดลักษณะวงรีรอบบึงขนาดใหญ่) สวนเด็กเล่นและลานออกกำลังกาย พร้อมเครื่องเล่นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐานถึง 13 ชนิด เรือถีบหงส์ให้ปั่นในบึงขนาดใหญ่ (ราคาเช่าชั่วโมงละ 40 บาท) นอกจากนี้ ในสวนยังมีบูธน้ำดื่ม อาหารและเครื่องดื่มขาย ในส่วนของห้องน้ำ สวนเบญจกิติมีห้องน้ำไว้ให้บริการถึง 2 จุด การเดินทางมาสวนเบญจกิตินั้นสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวมาได้ แต่ที่จอดอาจมีจำกัด ประมาณ 30-50 คัน เพื่อความสะดวก ไม่ต้องขับวนหาที่จอดรถ แนะนำให้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT (ลงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 3) หรือรถไฟฟ้า BTS (ลงสถานีอโศก ทางออกที่ 4) หรือใครสะดวกโดยสารรถประจำสายก็มีผ่านหลายสายเช่นกัน เช่น สาย 136, 2, 4, 23, 76 สวนเบญจกิติ เปิดตั้งแต่ 5:00 – 21:00 น. หากไปช่วงเช้าและเย็นจนค่ำ จะเห็นผู้คนมาวิ่งออกกำลังกายและทำกิจกรรมอื่นๆมากมาย

อุทยานเบญจสิริ หรือ สวนเบญจสิริ หรือเราอาจได้ยินคนเรียกสวนสาธารณะแห่งนี้ว่า “สวนเบญ” เป็นสวนชุมชนบนพื้นที่ 29 ไร่ของกรมอุตุนิยมวิทยา ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 – 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ติดกับโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์พาร์ค และห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 เช่นเดียวกับสวนเบญจกิติ แต่สร้างในสมัยรัฐบาล ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ สวนเบญจสิริเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมที่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานที่ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมเล็กๆร่วมกัน ภายในสวนมีความร่มรื่นเย็นสบาย มีลานกว้างเพื่อให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรม หากเงยหน้าขึ้นจะเห็นตึกสูงแวดล้อมรอบตัว ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่อีกที่ที่ห่างจากความวุ่นวายและแออัด แม้จะมีตึกสูงตั้งอยู่รอบด้าน

สวนเบญจสิริ มีบ่อน้ำ น้ำพุและลานอเนกประสงค์สวยๆให้ถ่ายรูป มีสนามเด็กเล่น ทางวิ่ง ลานตะกร้อ ลานเล่นสเกตบอร์ด ไปจนถึงสนามวอลเลย์บอล สนามบาสเกตบอล และสระว่ายน้ำ เรียกว่าตอบโจทย์การมาออกกำลังกาย พบปะพูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกันมากๆ เปิดให้บริการตั้งแต่ 5:00 – 21:00 น. สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีพร้อมพงษ์ ออกทางฝั่งห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม แต่ไม่แนะนำให้นำรถยนต์ส่วนตัวมาเพราะหาที่จอดได้ยาก นอกจากนี้ ภายในสวนมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไฟส่องสว่างเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องปลอดภัยให้ผู้คนที่มาออกกำลังกายและพักผ่อนในสวนเบญจสิริแห่งนี้

ไม่ว่าจะเป็นสวนเบญจกิติ หรือ สวนเบญจสิริ ทั้งสองที่ล้วนเป็นสวนสาธารณะที่ถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เหมาะกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจ ชอบที่ไหน เลือกไปที่นั่นได้เลย ดีทั้งสองที่



มาดูตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ

ตลาดสดคลองเตย เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เก่าแก่กว่า 20 ปี ขายของกันคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืนแบ่งออกเป็น 5 โซน มีสินค้าทั้งในราคาส่งและราคาปลีกในราคาสบายกระเป๋า จำหน่ายอาหารสดอาหารแห้ง อาหารทะเล เช่น หอยแครง หอยหวาน กุ้งลายเสือ ปู ปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ของแห้ง อาหารกแปรรูป ผักผลไม้สด รวมไปถึงอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ตลาดคลองเตยได้พัฒนาศักยภาพของตลาดสู่มาตรฐานสากล จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัดและยุติธรรม มีการจัดระเบียบภายในตลาด คำนึงถึงเรื่องความสะอาด ปลอดภัย และความสะดวกสบายในการมาจับจ่ายใช้สอย เป็นแหล่งกระจายรายได้แหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร

ตลาดคลองเตย ตั้งอยู่กลางเมือง บนถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ทางออกศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลา 01:00 – 05:00 น.และ 10:00 – 17:00 น. จะมีสินค้าให้เลือกมากเป็นพิเศษ มีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบายอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาด ติดกับตลาดหลักทรัพย์ รองรับรถได้หลายคัน สำหรับผู้ที่ชอบเดินตลาดยิ่งต้องแนะนำ หากต้องการซื้อของกินของใช้ในราคาย่อมเยา หรือซื้อจำนวนมากๆ กลัวมากลางวันแล้วจะร้อนก็มาหาซื้อของตอนกลางคืนได้ มีสินค้าให้เลือกสรรมากมายเช่นกัน เรียกว่าคุ้มค่า จบครบในที่เดียว