ดูแลเด็ก ใน ดินแดง, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน ดินแดง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 49 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐมน ถาเป็นบุญ
ณัฐมน ถาเป็นบุญ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 28 ปี
ญาณิศา  เฟื่องฟู
ญาณิศา เฟื่องฟู
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

สวัสดีค่ะชื่อแพ็คนะคะเป็นคนซื่อสัตย์ค่ะเต็มที่กับงานสามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับการทำงานได้มีความรับผิดชอบ ชอบเล่นกับเด็กรักเด็กชอบทำอาหารขับรถได้ค่ะเรียนจบมหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะรัฐศาสตร์

การทำงาน ทำงานกับเด็กมาตลอดชีวิตเลยถนัดในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กทำแล้วมีความสุขค่ะอยากช่วยปลูกฝั่งเด็กๆทุกคนให้โตมาเเบบมีศักยภาพ

แสดงเพิ่มเติม
ณิชชา อภิปาลกุล
ณิชชา อภิปาลกุล
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ทำงานบ้านนายเลี้ยงเด็กที่ไม่ใช่ลูกมามากกว่า 5 ปี สามารถขับรถได้ ดูแลเด็กได้ดี ใจเย็น ทำอาหารได้ สามารถทำงานตามที่นายสั่งได้

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐิยาภรณ์ ต้นคำ
ณัฐิยาภรณ์ ต้นคำ
Saijai อายุ 48 ปี

เคยทำงานประจำกับบริษัทเอกชน ตำแหน่งฝ่ายบัญชี มีครอบครัวแล้ว ปัจจุบันมี ลูก 2 คน อายุ 12 ปี กับ 11 ปี นิสัยส่วนตัวใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
เบญญาภา โฉมแพ
เบญญาภา โฉมแพ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

สวัสดีคะ ชื่อเบญ จบป.ตรี มีประสบการณ์ครูพี่เลี้ยงเนอสซารี่ รร.นานาชาติ ครูพี่เลี้ยงตามบ้าน ไม่มีลูกคะ อยากมีลูกเลยมารับเลี้ยงเด็กแทน

แสดงเพิ่มเติม
พิมพ์พิชญา แสนลุน
พิมพ์พิชญา แสนลุน
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี
Saijai อายุ 19 ปี

ยิ้มเก่ง มีมารยาท รักเด็ก

แสดงเพิ่มเติม
Beya Ruangdech
Beya Ruangdech
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

สามารถเล่นกับเด็ก ๆ เสริมพัฒนาการทุก ๆ ด้าน

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
รุจิระหงส์ มังคละวงศ์
รุจิระหงส์ มังคละวงศ์
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

ใจเย็น มีความรู้ด้านศิลปะ ช่วยเสิรมสร้างพัฒนาเด็ก

แสดงเพิ่มเติม
บุศรินทร์ พลอยศุภผล
บุศรินทร์ พลอยศุภผล
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 36 ปี
ภาวิณี  พรมสี
ภาวิณี พรมสี
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี
Saijai อายุ 48 ปี

เป็นคนมีความรับผิดชอบและต้องใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กเล็ก อายุ 1 ปี 5 เดื่อน และ 2 ปี ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้วค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
กัญญาภัทร บุตรพรม
กัญญาภัทร บุตรพรม
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

สวัสดีค่ะ ชือ ภัทรค่ะ อายุ 52 ถนัดดูแลเด็กแรกคลอด คุณแม่หลังคลอดค่ะ นวดเด็กแรกเล็กได้ ช้วยให้เด็ก อารมณ์ดีไม่งอแง ช่วยระบบขับถ่าย เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง.นวดประคบสมุนไพร คุณแม่หลังคลอดช่วยในการอยู่ไฟสมัยโบราณ ทำให้มดลูกเข้าอู่ไว้ ร่างกายแข็งแรง รับงานได้ทั้งในและต่างประเทศค่ะ รับดูแลทั้งคนไทยและต่างชาติ

แสดงเพิ่มเติม
อารตี อับดลราหมาน
อารตี อับดลราหมาน
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 26 ปี
นรีรัตน์  ฝอยทอง
นรีรัตน์ ฝอยทอง
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
ผ่านการตรวจสอบประวัติบุคคล

สนใจงานพี่เลี้ยงเด็กค่ะ มีประสบการณ์บ้านนายจ้างมา8ปี เลี้ยงได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต ตอนนี้ว่างงานอยู่ค่ะ กำลังมองหางาน สามารถรับฟังและเรียนรุ้สิ่งใหม่ๆ ได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
เจนจิรา เจริญลาภ
เจนจิรา เจริญลาภ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ดิฉันชื่อเจนค่ะ รักเด็ก มีความอดทนสูง มีบุตรมาแล้วเข้าใจการดูแลเด็กค่ะ สามารถพาเด็กทำกิจกรรมที่มีประโยชน์กับเด็กค่ะ ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วค่ะ ฝากคุณลูกค้าพิจารณาด้วยนะคะ😊

แสดงเพิ่มเติม
วริวรรณ อยู่ไพร
วริวรรณ อยู่ไพร
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 36 ปี
วิมลทิพย์  โถสโมสร
วิมลทิพย์ โถสโมสร
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

กำลังศีกษาหลักสูตร NA ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อังคณา ภักดิ์ชัยภูมิ
อังคณา ภักดิ์ชัยภูมิ

อดทน มีความตั้งใจในการทำงาน ขยัน

แสดงเพิ่มเติม

รู้หน้าที่ตัวเอง รับผิดชอบในงานตัวเองได้ดี เป็นคนตลก ร่าเริง สดใส ชอบเล่นกับเด็กๆ ขยันทำงาน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว
ลองค้นหาบริการพี่เลี้ยงเด็กอยู่หลายที่ จนได้มาเจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดู รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ให้เลือกพี่เลี้ยง ขั้นตอนนัดสัมภาษณ์ รายละเอียดและคำแนะนำต่าง ๆ พี่เลี้ยงที่ได้มาก็ตรงตามความต้องการสุด ๆ รู้สึกประทับใจมาก
Saijai
ณัฐณิชา ทิวาสวัสดิ์
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยควรเลือกใช้บริการการเลี้ยงเด็กแบบใด พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว หรือเนอสเซอรี่
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก วันนี้เรามาดูข้อดีขอเสียของพี่เลี้ยงเด็กกันค่ะ ทำไมต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก

1) พี่เลี้ยงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากคุณไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยเนื่องจากต้องทำงานนั้น พี่เลี้ยงเด็กคือทางออกของคุณค่ะ
2) หากคุณเลือกพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกของคุณได้ค่ะ
3) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณแบบใกล้ชิดมากกว่าส่งลูกเข้าศูนย์เลี้ยงเด็ก เพราะศูนย์เลี้ยงเด็กนั้นไม่สามารถดูแลเด็ก ๆ แบบใกล้ชิดได้
4) พี่เลี้ยงสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของคุณได้
5) คุณไม่ต้องเสียเวลาไปรับไปส่งลูกน้อยที่ศูนย์หากคุณจ้างพี่เลี้ยงมาที่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณ
6) ลูกของคุณจะไม่ป่วยบ่อยเหมือนเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากกว่า20คน อาจจะเกิดความเสี่ยงติดโรคจากเพื่อน ๆ ได้
7) พี่เลี้ยงสามารถอยู่ดูแลลูกของคุณและเฝ้าบ้านของคุณได้หากในกรณีคุณกลับบ้านดึก
8) คุณสามารถบอกพี่เลี้ยงเด็กได้หากคุณต้องการให้พี่เลี้ยงมุ่งเน้นพัฒนาการของลูกคุณในด้านไหนเพราะพี่เลี้ยงของคุณจะดูแลเด็กแบบใกล้ชิด และมุ่งเน้นความสนใจให้ลูกของคุณ ต่างจากเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่ต้องเฉลี่ยดูแลอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของพี่เลี้ยงเด็ก

1) ลูกของคุณอาจจะติดพี่เลี้ยงมากเกินไป
2) ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับศูนย์เลี้ยงเด็ก
3) คุณอาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว

อย่างไรก็ดีข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณไปได้เยอะเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคน ใส่ใจมีบริการด้านนี้ค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง ควรทำอย่างไร
ใส่ใจขอพูดถึงข้อกังวลและแนวทางแก้ไขเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ที่บ้าน

1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

ชุมชนดินแดง

เมื่อชีวิตดำเนินมาถึงวัยหนึ่ง ส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงในการใช้ชีวิต คือการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ทั้งเพื่อความเป็นส่วนตัว เพื่อสร้างครอบครัวและเพื่อสร้างฐานะ และบ้านยังเป็นที่ที่สร้างความมั่นคงทางอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย การจะมีบ้านสักหลัง หรือคอนโดสักห้องมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเป็นตัวแปรในการเลือกที่อยู่อาศัย หนึ่งในปัจจัยหลัก คืองบประมาณหรือรายได้ของผู้ซื้อ ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าเราจะมีบ้านแบบใด บ้านตั้งอยู่ในชุมชนแบบใด หลายคนยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อความสบายใจ ว่าบ้านที่ตนเลือกนั้นตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ในที่นี้หมายถึงอยู่ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย และมีเพื่อนบ้านที่น่ารัก แต่อีกหลายคนอาจไม่สารถเลือกได้โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งทำงานและมีรายได้ไม่มากนัก อาจต้องจำยอมอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือชุมชนที่ไม่สะดวกและไม่ปลอดภัยนัก

หากพูดถึงชุมชนที่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่เข้ามาทำมาหากินในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ยุค 60 ปีก่อน มีชุมชนหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางกรุงเทพมหานครที่ชื่อว่า “ชุมชนดินแดง” พื้นที่บริเวณนี้แต่เดิมเคยเป็นบริเวณที่ทิ้งขยะของกรุงเทพมหานคร แต่มีผู้ซึ่งหาโอกาสของชีวิต เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นชุมชนแออัด และเมื่อกรุงเทพมหานครต้องการใช้พื้นที่จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างที่อยู่อาศัยของผู้ที่มีรายได้น้อยราวปี พ.ศ. 2503 รัฐบาลจึงมีโครงการสร้างแฟลต ให้เช่า 5,000 หน่วย ในชื่อ “โครงการอาคารสงเคราะห์ดินแดง” รูปแบบการก่อสร้างอาคาร สร้างเป็นอาคารแฟลตสูง 5 ชั้น อยู่อาศัย 4 ชั้น และชั้นล่างสุดเป็นใต้ถุนโล่ง มีบันไดสองข้างอาคาร มีทางเดินร่วม โดยมีหน่วยพักอาศัยอยู่ด้านเดียว (Single Loaded Corridor) ซึ่งแต่ละห้องมีพื้นที่ใช้สอย 38-39 ตารางเมตร มีส่วนอเนกประสงค์ ครัว ห้องน้ำ ระเบียง มีช่องสำหรับเปิดทิ้งขยะลงปล่อง 1 ปล่อง ต่อ 2 หน่วยห้องพัก สามารถรองรับผู้มีรายได้ครัวเรือน ไม่เกิน 1,500 บาท/เดือน จ่ายค่าเช่าเพียง 100-125 บาท/เดือน เพื่อรองรับการอพยพของผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัดเดิมบนพื้นที่ทิ้งขยะของกรุงเทพมหานคร และกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการที่พักอาศัยในช่วงเวลานั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2516 การเคหะแห่งชาติได้เข้ามาดูแลและรับโอนแฟลตดินแดงจากกรมประชาสงเคราะห์ และได้สร้างที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นรวมเป็น 94 อาคาร โดยมีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 36,000 คน วันเวลาผ่านไปจวบจนปัจจุบันแฟลตดินแดงรุ่นแรก นับเป็นอาคารที่มีอายุการใช้งานอย่างยาวนานถึง 50 ปี เปรียบเทียบเป็นมนุษย์ก็คงอยู่ในช่วงอายุที่รอวันร่วงโรย 50 ปีผ่านมาสภาพอาคารและโครงสร้างทรุดโทรม เป็นอันตรายต่อผู้พักอาศัย

ด้วยความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของคนที่อยู่อาศัยในแฟลตดินแดง ทางการเคหะแห่งชาติจึงได้ว่าจ้าง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เข้าศึกษาตรวจสอบสภาพความแข็งแรงของอาคารในเคหะชุมชนดินแดงทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2546 และปี พ.ศ. 2550 โดยจากการตรวจสอบพบว่า ร้อยละ 60 ของอาคารทั้งหมด มีสภาพเก่าทรุดโทรม และชำรุดเสียหายอย่างรุนแรง โครงการปรับปรุงฟื้นฟูชุมชนดินแดงดำเนินงานผ่านมาถึง 5 รัฐบาล รวมระยะเวลามากกว่า 16 ปีไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งในการสร้างความเข้าใจแก่ผู้อาศัย คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ลงมติว่าเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง พ.ศ. 2559 – 2567 ซึ่งอนาคตชุมชนชาวดินแดงก็จะได้ที่อยู่ใหม่ที่มั่นคงในเร็ววันนี้



วิธีจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าวของลูก

พ่อแม่ควรให้ความสำคัญและให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ได้เหมาะสมตามวัย เมื่อเด็กมีอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธ ไม่พอใจ หรือ และอ่อนไหวกับสิ่งเร้าต่างๆ เด็กบางคนใช้เวลาในการควบคุมตนเองนานกว่าคนอื่น แล้วคุณจะทราบได้อย่างไรว่าพฤติกรรมก้าวร้าวหรือรุนแรงของลูก ไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของช่วงการเรียนรู้ และคุณจะช่วยอะไรได้บ้าง

ก่อนอื่นเรามาดูว่า เด็กส่วนใหญ่แสดงท่าทางแบบนี้หรือไม่

การแสดงออกหรือพฤติกรรมของเด็ก ขึ้นอยู่กับวัยเป็นสำคัญ นักจิตวิทยาเด็กกล่าวว่า "เราจะไม่เห็นพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กวัยหัดเดิน” เนื่องจากเด็กวัยนี้ยังไม่มีทักษะในการสื่อสารด้วยภาษาพูด จึงแสดงออกทางกายมากกว่า ตัวอย่างเช่น การผลักเพื่อนบนสนามเด็กเล่นอาจถือเป็นเรื่องปกติ เราไม่จำเป็นต้องเรียกว่าความก้าวร้าว เว้นแต่ว่าเด็กจะแสดงออกอย่างก้าวร้าวและรุนแรง

คุณรู้จักความก้าวร้าวที่แท้จริงได้อย่างไร

เมื่อถึงวัยหนึ่งที่เด็กโตพอที่จะมีทักษะทางคำพูดในการสื่อสารความรู้สึกของตน ประมาณอายุ 7 ขวบ การแสดงอารมณ์ก้าวร้าวทางกายก็จะลดลง หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่ต้องกังวล

สัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย

หากเด็กมีพฤติกรรม เช่นทำลายข้าวของ ตั้งใจก่อกวนหรือสร้างความให้กับคนรอบข้าง สิ่งเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจาก อาการสมาธิสั้น ความวิตกกังวล ความบกพร่องทางการเรียนรู้ และความหมกมุ่น จนกลายเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด พ่อแม่ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแต่เนิ่นๆ

เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับกุมารแพทย์ และหากจำเป็นแพทย์จะส่งต่อให้ไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อวินิจฉัยและรักษาปัญหาที่อาจก่อให้เกิดความก้าวร้าวได้

พ่อแม่จะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยลูก

กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อช่วยให้ลูกของคุณควบคุมความก้าวร้าวของเขาหรือเธอให้อยู่ในความสงบ “เมื่อเด็กแสดงอารมณ์ออกมามาก และพ่อแม่ตอบสนองด้วยอารมณ์ที่มากขึ้น ก็จะเพิ่มความก้าวร้าวของเด็กได้” ให้พยายามจำลองการควบคุมอารมณ์สำหรับบุตรหลานของคุณแทน อย่ายอมแพ้ต่อความโกรธเคืองหรือพฤติกรรมก้าวร้าว ตัวอย่างเช่น เวลาไปซื้อของตามห้างแล้วลูกงอแง ร้องไห้เสียงดัง เพราะอยากได้ของเล่น พ่อแม่ต้องไม่ยอมซื้อให้ เพื่อเป็นการบอกลูกว่าหากลูกทำตัวไม่น่ารัก จะไม่ได้ของที่ต้องการ ในทางตรงกันข้ามพ่อแม่ควรกล่าวชมเมื่อลูกทำตัวน่ารัก และควรสอนให้เด็กรู้จักชื่นชมและขอบคุณเมื่อได้รับการปฏิบัติที่ดีจากผู้อื่น

ช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะแสดงออกทางอารมณ์ด้วยการใช้คำพูดแทนการแสดงทางพฤติกรรม เช่น เมื่อเด็กแสดงอาการไม่พอใจ พ่อแม่อาจพูดว่า “แม่รู้เลยว่าหนูกำลังโกรธมาก” ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เด็กพูดออกว่า “โกรธ” แทนการแสดงท่าทางฉุนเฉียวที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวได้



วิธีหยุดบุตรหลานของคุณจากความรุนแรง

เราจะป้องกันไม่ให้เด็กใช้ความรุนแรงได้อย่างไร ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผู้ปกครองผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อเด็ก ควรทำเพื่อหยุดการใช้ความรุนแรงในเด็ก และวัยรุ่น

เป็นแบบอย่างที่ดี การวิจัยพบว่าเด็ก ๆ ต้องการผู้ใหญ่ที่เอาใจใส่อย่างน้อยห้าคนเพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขและมีสุขภาพดี ไม่ใช่แค่พ่อแม่เท่านั้นที่มีผลกระทบต่อลูก ปู่ย่า ตายาย ป้า น้าอา ครูที่ปรึกษาและเพื่อนในครอบครัวสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ๆ ของเราได้ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเขาที่ส่งเสริมให้พวกเขาเป็นคนที่ใจดี เห็นอกเห็นใจ และมีจริยธรรม

มีมโนธรรม คือสอนให้เด็กรู้จักผิดชอบชั่วดี ซึ่งสามารถทำได้โดย

1) ปรับตัวให้เข้ากับพวกเขา

2) ไม่ใช้ความรุนแรงในครอบครัว

3) เป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา

4) แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด เราทุกคนเคยทำผิดพลาดในฐานะพ่อแม่ แต่การยอมรับและขอโทษอย่างเปิดเผยสำหรับความผิดพลาดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าลูก ๆ เมื่อทำผิดต้องกล้ายอมรับและหาทางแก้ไข ไม่ควรตำหนิแต่ควรแสดงความห่วงใยและแก้ปัญหาไปด้วยกัน

มีความเห็นอกเห็นใจ สอนให้เด็กมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ยกตัวอย่างเหตุการณ์สมมุติ ลูกของคุณตีเด็กอีกคนที่เล่นด้วยกัน คุณอาจจะบังคับให้ลูกขอโทษเด็กคนนั้น ลูกอาจจะขอโทษเพราะถูกคุณบังคับแต่เขาไม่ได้รู้สึกเห็นใจ การขอโทษจึงไม่มีความหมายหากเด็กไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริง ๆ ดังนั้นแทนที่คุณจะบังคับให้ลูกพูดขอโทษ ให้ลองคุยกับลูกว่า ลูกจะรู้สึกอย่างไรถ้าเราเป็นคนที่ถูกตี สิ่งนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจและรู้สึกเห็นอกเห็นใจว่าการทำร้ายใครบางคนหมายถึงอะไร

แสดงความสนใจ โดยเฉพาะในวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่มีความเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายที่กำลังเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ ด้านสังคมที่เด็กอาจต้องเจอเพื่อนใหม่หรือมีเพื่อนเพศตรงข้าม เด็กไม่สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ตามลำพัง และต้องการความเอาใจใส่และคำแนะนำจากพ่อแม่และผู้ปกครอง หากพ่อแม่เพิกเฉย เด็กอาจแสดงพฤติกรรมด้านลบเพื่อเรียกร้องความสนใจ พ่อแม่ควรเข้าใจ พยายามพูดคุยแบบเปิดใจแบบมีเหตุผล เคารพการตัดสินใจ รับฟัง คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่เอาแต่ตำหนิ ดุด่า เมื่อเกิดปัญหา

สร้างความภูมิใจและความนับถือตนเอง

ช่วยให้บุตรหลานของคุณค้นพบสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีและชื่นชมความสำเร็จเหล่านั้นอย่างแท้จริง เพื่อให้เขารู้สึกถึงคุณค่าในตนเองหรือความภาคภูมิใจในตนเองที่