วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ประเภทงานบริการ
ผู้ดูแลผู้สูงอายุชั่วคราว ผู้ดูแลผู้สูงอายุสองภาษา ผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย รับอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น/เฝ้าไข้ ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบริการในเมืองยอดนิยม
บางเขน บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่า พระนคร บางพลัด บางบอน พระโขนง ภาษีเจริญ คลองสามวา ตลิ่งชันชื่อเล่น เจี๊ยบอายุ ประสบการณ์ ด้าน การทำงาน และการบริบาล-ประสบการณ์ na โรงพยาบาลสุขุมวิท2ปีรับจ๊อบเฝ้าไข้ ความสามารถ ทางด้าน การบริบาล-ทำกายภาพเบื้องต้นได้ -วัดความดัน-วัดไข้ ปรอท-วัด ออกซิเจน ในเลือดได้-ฟีทซักซั่น ปากคอ- ทำแผล กดทับได้ -เช็ดตัว อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ บนเตียงได้ - เคลื่อนย้าย ผุ้ป่วย ได้ -ใส่เครื่อง ออกซิเจนได้ - ดูแลสายปัสสาวะได้ แต่เปลี่ยนสายไม่ได้ -สวนอุจาระได้- ทำอาหาร บด อาหาร สายยาง ได้ - สื่อสาร ภาษาอังกฤษ ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ระดับ พอใช้
สวัสดีค่ะ ชื่อรภัทร เมธินรัตน์ หรือแอมมี่นะคะ ตอนนี้อายุ 27 ค่ะ จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีความสนใจเกี่ยวกับจิตวิทยาจึงได้มีการศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของจิตวิทยาเด็ก จนถึงผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ซึ่งเชื่อว่าทักษะที่ได้เรียนรู้มา สามารถนำมาทำงานด้านนี้ หรือที่เกี่ยวข้องได้อย่างดี มีความรู้รอบตัว มีสกิลการสื่อสารที่ทำให้สามารถพูดคุยได้กับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุได้ทุกเรื่อง เป็นคนมีความสามารถที่หลากหลาย สามารถทำงานได้ multi skills มีความอดทน เข้ากับผู้อื่นได้งาน มีความตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบสูง
เคยไปเฝ้าคนชราป่วยมะเร็ง ที่ รพ ศิริราชผู้ป่วยไปทำ คีโม 12 ครั้ง 6 เดือน ผู้ป่วยไปให้คีโม 2ครั้ง/1 เดือน ,เคยดูแลคนชรา ที่ลูกสาวลูกชายไปทำงานดูแลอยู่ 3 ปี,ไปเป็นเพื่อนพาคนชราไปหาหมอ ,เป็นเพื่อนอยู่ที่พักเวลาลูกหลานไปธุระ,เตรียมอาหาร,ยาตามหมอสั่ง ดิฉันเป็นคนสะอาดเรียบร้อย มีระเบียบ พูดเพราะ ใจดีใจเย็น
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ
1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
การเลือกแม่บ้านหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย วัยชรา แม้จะคล้ายกับการดูแลเด็ก แต่มีความแตกต่างกันบ้างในส่วนของรายละเอียด เช่น เรื่องอาหารการกิน การทานยา และเรื่องของการอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกใช้บริการ ผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้น เพราะเราอยากให้ผู้สูงอายุได้อยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคย ใกล้ชิดลูกหลาน และได้รับการดูแลที่ถูกต้อง เหมาะสม ตามสภาพวัย ของผู้สูงอายุ หากเราต้องทำงานไปด้วยนั้นหมายถึงเราต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล เราสามารถลดความกังวลนั้นได้อย่างไร หากกังวลเรื่องอาหารการกิน การทานยาของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องอยู่บ้านลำพัง การที่ได้ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลปัญหาเรื่องการทานอาหาร ทานยาไม่ตรงเวลาก็จะหมดไป เมื่อเราได้สรุปงาน หน้าที่ของผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำตามตารางเวลาการทำงานที่เราได้จัดขึ้น แม้เราไม่อยู่เราก็จะแน่ใจได้ว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแล เราต้องคิดว่า เมื่อเราต่างออกไปทำงาน และผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ท่านอาจจะรู้สึกเหงาและเบื่อหน่าย หรือบางครั้งเราเองอาจจะรู้สึกกังวลหากเขาหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน แต่การมีผู้ดูแลผู้สูงอายุมาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกดี หมดกังวลและไม่เบื่อหน่าย อาจมีกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุฝึกคิด หรือบางครั้งผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ดูแลยังสามารถพาไปออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุผ่อนคลายได้อีกด้วย กังวลเรื่องการดูแลทุก ๆ รายละเอียด ข้อนี้ถือว่าดีมากเนื่องจากพี่เลี้ยงที่จ้างมาดูแลผู้สูงอายุในบ้าน จะทำหน้าที่แทนเราทุกอย่าง เช่น เช็ดตัว ป้อนข้าว เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ โดยที่ไม่รังเกียจ เพราะมีการอบรมมาเป็นอย่างดี ช่วยดูแลขณะที่เราไม่อยู่ ความกังวลทั้งหมดนี้จะหมดไปหากเราเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี ใส่ใจในงานบริการ แม้อยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล ก็ไม่ต่างกับเราดูแลท่านเอง
1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง
ทุ่งครุ ที่ฉันรู้จัก
เขตทุ่งครุ เป็นหนึ่งใน 50 เขตของกรุงเทพมหานคร โดยมีคำขวัญประจำเขตที่น่าสนใจคือ “หลวงพ่อโอภาสีที่ศักดิ์สิทธิ์ สัตว์เศรษฐกิจแพะแกะไก่ปลา นกเขาชวาเสียงดี กล้วยไม้หลากสีหลายพันธุ์ มะม่วงนวลจันทร์เลิศรส ส้มบางมดเลื่องชื่อลือนาม” เราลองมาดูว่าสิ่งที่ขึ้นชื่อตามคำขวัญนี้ ในพื้นที่ 30 ตารางกิโลเมตร มีอะไรน่าสนใจบ้าง
หลวงพ่อโอภาสี หรือ พระมหาชวน (พ.ศ. 2441 - 31 ตุลาคม พ.ศ. 2498) หลวงพ่อโอภาสี สมัยสงครามอินโดจีน พระเกจิอาจารย์จะปลุกเสกวัตถุมงคลมากมายที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยสำหรับวัตถุมงคลในตอนนั้นของท่านคือ ผ้าประเจียด เชื่อกันว่าผ้าประเจียด ะคุ้มครองทหารไทยในการต่อสู้ในสงคราม และพระเครื่องนั้นผู้ที่บูชาจะต้องเป็นคนที่รักษาศีลธรรมด้วย วัตถุมงคลของท่านก็จะมีเพียงรุ่นเดียวคือ เหรียญครุฑแยกเสมา ประชาชนและลูกศิษย์ของท่านต่างเคราพหลวงพ่อท่านเป็นอย่างมาก
สัตว์เศรษฐกิจแพะ แกะ ไก่ ปลา ใครจะรู้บ้างว่าเขตทุ่งครุ ยังมีของดีที่ขึ้นชื่อไม่แพ้ส้มบางมดอีกสิ่งหนึ่งคือ “แพะ” ซึ่งนับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ชาวชุมชนทุ่งครุนิยมเลี้ยง เนื่องจากบริเวณนี้ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ซึ่งตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม ถ้าเด็กเกิดมาใหม่จะต้องรับขวัญเด็ก ด้วยการแจกทานเนื้อแพะ ชาวบ้านจึงนิยมเลี้ยงทั้งแพะนม และแพะเนื้อ กระทั่งนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนี้อย่างมาก “แพะ” จึงเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเกษตรกรในเขตทุ่งครุ นอกจากนั้นยังมี ปลา แกะ และไก่อีกด้วย
นกเขาชวาเสียงดี สนามแข่งเสียงนกเขาชวา ทุ่งครุ เป็นสนามใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ชาวบ้านที่นิยมเลี้ยงยกเขาชวาจะนำนกเขามาแข่งกันที่สนามนี้ นอกจากการเลี้ยงนกยังมีกลุ่มชาวบ้านที่มีฝีอในการทำกรงนกเขาอีกด้วย
กล้วยไม้หลากสีหลายพันธุ์ ในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมาสวนกล้วยไม้ของไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในกลุ่มชาวเกษตรกร เนื่องจากในช่วงนั้นการส่งออกกล้วยไม้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด จึงส่งผลให้เกษตรกรหลายคนเริ่มผันตัวมาทำสวนกล้วยไม้ในการส่งออก เป็นพวกไม้ประดับตามบ้าน ตระกูลม็อคคาล่า แอสโคเซ็นด้า สกุลหวาย และตระกูลออนซิเดียม เป็นหลัก แต่ตระกูลกล้วยไม้เหล่านี้มันจะแยกย่อยออกไป
มะม่วงนวลจันทร์เลิศรส ส้มบางมดเลื่องชื่อลือนาม เขตทุ่งครุ ถือเป็นพื้นที่เขตชานเมืองในกรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งการทำเกษตรกรรม สร้างผลผลิตที่เลื่องชื่อลือนามของเขตทุ่งครุที่ใครๆ ต่างก็ต้องรู้จัก ซึ่งคงหนีไม่พ้น ส้มบางมด นั้นเอง พื้นที่เขตทุ่งครุก็ยังคงมีพื้นที่เกษตรกรรม และปศุสัตว์อยู่ไม่น้อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกมะพร้าวน้ำหอม ส้มบางมด มะม่วงนวลจันทร์ โดยผลไม้จากเขตทุ่งครุเป็นผลไม้ที่ได้รับน้ำกร่อย จึงทำให้มีรสชาติที่แปลกออกไป ซึ่งก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของผลผลิตทางการเกษตรอย่างหนึ่ง ของเขตทุ่งครุ
ส้มบางมดแท้ ที่ทุ่งครุ
“ส้มบางมด” คือ ส้มเขียวหวานที่มาจากแหล่งที่ขึ้นชื่อว่าปลูกส้มเขียวหวานกันมากและมีชื่อเสียงในประเทศไทย คือ แขวงบางมดในเขตทุ่งครุและเขตจอมทองของกรุงเทพมหานคร อยู่ในตระกูลส้มแมนดาริน (ส้มแมนดารินคือส้มที่ เปลือกร่อนปอกง่าย เช่นส้มเขียวหวาน ส้มสีทอง ส้มโชกุน ส้มญี่ปุ่น ส้มจีน )นิยมปลูกแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอดีต มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ส้มกำนันจุล ส้มเพชรบูรณ์ ส้มสีทองจังหวัดน่าน ส้มศรีสัชนาลัย ส้มบางมด ส้มรังสิต ส้มกลุ่มนี้คือ ส้มเขียวหวานทั้งหมด แต่ปลูกในระดับอุณหภูมิที่ไม่เหมือนกัน ช่วงกลางคืนกับช่วงกลางวัน มีอุณหภูมิแตกต่างกันประมาณ 14 องศาเซลเซียส ผลส้มจะสร้างสีที่เข้มขึ้น” “ส้มบางมด” คือชื่อชนิดของส้มที่มีชื่อเสียงเหมือน ยี่ห้อที่ได้ยินมานาน เนื่องจากที่มาของแหล่งผลิตส้มที่มีชื่อเสียงมานาน แม้ยุคหลังจะเริ่มจางหาย หลงลืมกันไปบ้างแล้ว เพราะมีผลิตผลออกมาน้อย หรือ มีส้มชื่ออื่นมาแทนที่ในท้องตลาด แต่ในระยะเวลาหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าหากพูดถึง “ส้มเขียวหวาน” โดยเฉพาะแล้ว ต้องเป็นส้มบางมด ส้มบางมด ผลจะกลมแป้น ผิวมีสีเขียวอมเหลืองถึงเหลืองเข้ม ถ้าแก่จัดๆ จะมีสีออกส้มแดง ผลจะมีลายเหมือนสีหมากสุก เพราะชาวสวนจะปล่อยให้ไรแดงลง เปลือกจะบางนิ่ม ไม่แข็ง ขั้วจะสด เก็บเอาไว้ 5-6 วันก็ยังไม่เน่า ซังนิ่ม รสชาติจะหวานจัด หวานแหลมไม่เหมือนส้มที่อื่นๆ หวานจนมดขึ้นเหมือนอย่างชื่อบางมดเลย เพราะเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างนี้ ส้มบางมดจึงเป็น “ยี่ห้อ” “เป็นชื่อ” ที่ติดมีภาพจำเมื่อนึกถึงส้มเขียวหวาน ชื่อของส้มบางมดติดหูไม่แพ้ชื่อ “ส้มธนาธร” จากเชียงใหม่เลยทีเดียว
เมื่อก่อนพื้นที่ตรงเขตทุ่งครุนี้เป็นนา และพัฒนายกร่องมาปลูกส้ม ซึ่งที่บางมดนี้ปลูกส้มได้ดีก็ปลูกกันมาเรื่อยๆ เมื่ออดีตคลองบางมดแห่งนี้ดังมาก จะมีการวิ่งผลผลิตส้มจากสวน ขนกันเป็นลำเรือ ลำหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1,500 กิโลกรัม โดยจะนำไปขึ้นขายที่ปากคลองตลาด ไปขึ้นที่วัดกลาง และต่อมาก็มาขึ้นที่วัดพุทธบูชา เมื่อก่อนนั้นส้มจะขายที่กิโลละ 2 บาท แต่เดี่ยวนี้ส้มบางมดมีราคาดี ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท ที่ราคาแพงขึ้น เพราะว่ามันหาซื้อยาก ปรากฏข้อมูลในฐานข้อมูลจากท้องถิ่น “อำเภอบางมด” ว่า ชาวบางมดนำพันธุ์กิ่งตอนมาจากที่อื่น แต่เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ปีพ.ศ. 2485 ส้มเขียวหวานตายจำนวนมากจึงไปสั่งกิ่งพันธุ์จากจันทบุรี คำถามก็มีต่อมาว่า “ทำไมต้องไปสั่งจากจันทบุรี” ครั้งรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มี พ่อค้าซื้อ พันธุ์กิ่งตอนส้มเขียวหวานจากบางกอก (กรุงเทพมหานคร) แล้วเอาไปปลูกที่จันทบุรี หลังจากนั้นก็พบว่าผิวส้มออกมาเป็นสีเหลือง เป็นเหตุให้ตั้งชื่อว่า “ส้มแสงจันทร์” เชื่อกันว่า เป็นแหล่งที่นำกิ่งพันธุ์ส้มกลับมาปลูกอีกครั้งหลังจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อพ.ศ. 2485 อีกครั้งที่น้ำท่วมคือเมื่อปี พ.ศ.2526 ครั้งนี้น้ำท่วมนานทำให้ต้นส้มตายลงไป ชาวสวนบางคนขายสวนไม่ทำต่อ บางคนยังกลับมาปลูกส้ม พ.ศ.2529 และยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ประมาณ 7 สวน
4 วิธีเพื่อให้แข็งแรงเมื่ออายุมากขึ้น
รู้หรือไม่ว่าผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปอาจสูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ต่อสิบปี และอัตราการสูญเสียมวลกล้ามเนื้ออาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากอายุ 70 ปี การรักษามวลกล้ามเนื้อตามอายุเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดี
ขั้นตอนที่ถูกต้องที่สามารถช่วยป้องกันหรือชะลอการสูญเสียกล้ามเนื้อได้ และรักษากล้ามเนื้อให้แข็งแรงเมื่ออายุมากขึ้น
1. ออกกำลังการเป็นประจำรวมถึงการฝึกด้วยแรงต้านเพื่อรักษากล้ามเนื้อและความแข็งแรง การออกกำลังกายในผู้สูงอายุควรเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ เช่นการวิ่งเหยาะ ๆ ในกรณีที่ไม่มีอาการข้อเข่าเสื่อม การเดิน การเต้นแอโรบิก การรำมวยจีน การรำไม้พลอง เป็นต้น
2. โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็น ผู้สูงอายุควรกินแหล่งโปรตีนที่ดีจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่ว ตั้งเป้าให้ได้รับโปรตีน 25-30 กรัมทุกมื้อ
3. ปรับสมดุลอาหาร รับประทานอาหารที่สมดุลซึ่งเต็มไปด้วยผักผลไม้ธัญพืชโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้สูงอายุที่มักจะมีปัญหาระบบขับถ่าย การได้รับอาหารที่มีกากและเส้นใยอาหาร จะช่วยลดอาการท้องผูก ซึ่งใยอาหารบางชนิดยังสามารถดูดซับของเสียแล้วถ่ายออกมาได้อีกด้วย เช่น ดูดซับไขมันหรือน้ำตาลส่วนเกิน ไม่ให้ดูดซึมเข้าร่างกาย ผู้สูงอายุจึงควรศึกษาเพื่อการได้รับใยอาหารในปริมาณที่เหมาะสม
4. ปรึกษาแพทย์ พูดคุยกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของเกี่ยวกับโภชนาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้สูงอายุป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือพักฟื้นจากการผ่าตัดเพื่อจัดการการสูญเสียกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง