วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ประเภทงานบริการ
ผู้ดูแลผู้สูงอายุชั่วคราว ผู้ดูแลผู้สูงอายุสองภาษา ผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย รับอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น/เฝ้าไข้ ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบริการในเมืองยอดนิยม
บางเขน บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่า พระนคร บางพลัด บางบอน พระโขนง ภาษีเจริญ คลองสามวา ตลิ่งชันพยาบาลวิชาชีพ ICU และพยาบาลควบคุมโรคติดเชื้อ นิสัยร่าเริง สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ เข้าใจชีวิต เชี่ยวชาญการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพระบบสมอง หลอดเลือด หัวใจ ทางเดินอาหาร ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดระบบต่างๆ ผู้ป่วยที่มีแผลกดทับ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลพิเศษที่บ้าน ผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องการเพื่อน
แสดงผล 21 ถึง 39 จาก 39 ผลการค้นหา
1 2ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ
2. การฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุให้ถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. อุปนิสัย ผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องมีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความจริงใจ มีความรัก ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาดีต่อผู้สูงอายุ เข้าใจและรับฟังเรื่องราวของผู้สูงอายุ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข
4. รู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำและเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม (moral reasoning)
5. อายุที่เหมาะสม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของช่วงอายุไป แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงอายุมีผลต่อวุฒิภาวะ ถ้าเด็กมากเกินไปก็อาจจะมีความอดทนที่ต่ำเพราะประสบการณ์การในชีวิตยังน้อย หรือถ้าอายุมากเกินไปก็ทำให้ความคล่องตัวในการดูแลผู้สูงวัยอาจจะมีน้อยลง
6. ประสบการณ์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่งบอกว่าคนคนนั้นเคยผ่านงานดูแลผู้สูงวัยมาก่อน ทำให้เข้าใจเนื้องานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจรายละเอียดของการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยรวมแล้วผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีใจรักในงานเป็นพิเศษ ต้องใช้ความอดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถดูแลได้ถูกวิธีและถูกใจกันทุกฝ่ายอีกด้วย
7. เป็นผู้ประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างบุตรหลานและญาติมิตรกับผู้สูงอายุ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลผู้สูงอายุแล้ว ผู้ดูแลต้องสามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่จะช่วยให้ทำงานได้ดีและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น
การเลือกแม่บ้านหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย วัยชรา แม้จะคล้ายกับการดูแลเด็ก แต่มีความแตกต่างกันบ้างในส่วนของรายละเอียด เช่น เรื่องอาหารการกิน การทานยา และเรื่องของการอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกใช้บริการ ผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้น เพราะเราอยากให้ผู้สูงอายุได้อยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคย ใกล้ชิดลูกหลาน และได้รับการดูแลที่ถูกต้อง เหมาะสม ตามสภาพวัย ของผู้สูงอายุ หากเราต้องทำงานไปด้วยนั้นหมายถึงเราต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล เราสามารถลดความกังวลนั้นได้อย่างไร หากกังวลเรื่องอาหารการกิน การทานยาของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องอยู่บ้านลำพัง การที่ได้ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลปัญหาเรื่องการทานอาหาร ทานยาไม่ตรงเวลาก็จะหมดไป เมื่อเราได้สรุปงาน หน้าที่ของผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำตามตารางเวลาการทำงานที่เราได้จัดขึ้น แม้เราไม่อยู่เราก็จะแน่ใจได้ว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแล เราต้องคิดว่า เมื่อเราต่างออกไปทำงาน และผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ท่านอาจจะรู้สึกเหงาและเบื่อหน่าย หรือบางครั้งเราเองอาจจะรู้สึกกังวลหากเขาหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน แต่การมีผู้ดูแลผู้สูงอายุมาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกดี หมดกังวลและไม่เบื่อหน่าย อาจมีกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุฝึกคิด หรือบางครั้งผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ดูแลยังสามารถพาไปออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุผ่อนคลายได้อีกด้วย กังวลเรื่องการดูแลทุก ๆ รายละเอียด ข้อนี้ถือว่าดีมากเนื่องจากพี่เลี้ยงที่จ้างมาดูแลผู้สูงอายุในบ้าน จะทำหน้าที่แทนเราทุกอย่าง เช่น เช็ดตัว ป้อนข้าว เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ โดยที่ไม่รังเกียจ เพราะมีการอบรมมาเป็นอย่างดี ช่วยดูแลขณะที่เราไม่อยู่ ความกังวลทั้งหมดนี้จะหมดไปหากเราเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี ใส่ใจในงานบริการ แม้อยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล ก็ไม่ต่างกับเราดูแลท่านเอง
1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง
4 วิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุ
ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Aged Society) ด้วยตัวเลขข้อมูลประชากรในประเทศไทยปี 2564 ตัวเลขผู้สูงอายุในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป พบเป็นร้อยละ 20 หรือ ไม่น้อยกว่า 13 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 66.19 ล้านคน และคาดว่าในอีก 20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึง 20 ล้านคน
เมื่อจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนในด้านความคุ้มครองและคุณภาพชีวิต เกิดการบริการทางสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุหลากหลายประเภทแต่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นผู้สูงอายุสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย โดยต้องคำนึงถึงสภาพร่างกาย และสำหรับบางคนอาจต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพ และบุตรหลาน การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ คือ
1. การเดินหรือวิ่งช้าๆ เริ่มจากเบาไปหนัก เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ เริ่มจากเดินช้าๆ แล้วค่อยๆเร็วขึ้นเป็นการเดินเร็วหรือการวิ่งเบาๆ ผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าหรือข้อเท้าควรเลือกเดินอย่างเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ
2. เดินในน้ำ การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยในผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าเสื่อมได้ดี คนที่ว่ายน้ำเป็นสามารถว่ายน้ำได้ เพราะการว่ายน้ำช่วยลดแรงกระแทกของหัวเข่า และเป็นการช่วยฝึกการหายใจและฝึกกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้แข็งแรง
3. รำมวยจีน ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นของร่างกาย ฝึกความอดทนและความแข็งแรง รวมทั้งฝึกการหายใจ เรามักจะเห็นผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันรำมวยจีนตามลานออกกำลังกายต่างๆ ช่วงเช้าที่อากาศกำลังดี ทำให้ผู้สูงอายุได้เข้าสังคม ไม่เหงาหงอยอยู่ที่บ้าน สุขภาพจิตก็จะดีขึ้น
4. กายบริหาร หรือ โยคะ ทั้งสองวิธีสามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน เป็นการฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย เช่น การเขย่งปลายเท้า เหยียดน่อง แกว่งแขน หากอยากฝึกความยืดหยุ่นร่างกาย การหายใจ และความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น อาจเข้าคอร์สเรียนโยคะ หรือจ้างครูสอนโยคะมาสอนที่บ้าน เพื่อคอยดูแลและแนะนำวิธีการเล่นโยคะอย่างปลอดภัยในผู้สูงวัย
การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุมีหลายวิธี สามารถช่วยต้านทานโรค ชะลอความเสื่อมของอวัยวะ รูปร่างดีขึ้น และยังช่วยสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เสริมไปด้วย
สวนเบญจกิติ และ อุทยานเบญจสิริ คนละที่กัน อย่าสับสน
มีหลายคนที่ยังสับสนระหว่าง สวนเบญจกิติ และ อุทยานเบญจสิริ ว่าใช่ที่เดียวกันหรือไม่ ตรงไหนคือสวนเบญจกิติ ตรงไหนคืออุทยานเบญสิริ จริงๆแล้วสองที่นี้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ใช่ที่เดียวกัน
สวนเบญจกิติ (Benchakitti Park) เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 สวนเบญจกิติ ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โรงงานยาสูบเดิม ข้างศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อยู่บริเวณถนนพระราม 4 กับถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย สวนเบญจกิติเกิดจากการขุดดินถมบริเวณอาคารโรงงานยาสูบ พัฒนาพื้นที่โดยรอบ “บึงยาสูบ” ขนาด 200xx800 เมตร แล้วย้ายโรงงานยาสูบออกไปนอกกรุงเทพมหานคร ตามมติคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 โรงงานยาสูบได้มอบพื้นที่ให้เพิ่มอีก 61 ไร่ เพื่อปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น เสลา แคนา และกระโดน เพื่อให้สวนป่าร่มรื่น แสงสว่างเข้าถึง
สวนเบญจกิติถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกาย ปัจจุบันสวนเบญจกิติมีพื้นที่ทั้งหมด 130 ไร่ แบ่งเป็นลานกิจกรรมและพื้นที่สาธารณะ มีลานน้ำพุ และลานอเนกประสงค์ที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ของประชาชนได้ ด้วยความร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่มากมาย มีบึงน้ำให้รู้สึกสดชื่น ประชาชนสามารถไปพักผ่อน ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้ที่นี่หลากหลายกิจกรรม อาทิเช่น ปั่นจักรยาน (มีทางปั่นจักรยานชัดเจน และมีจักรยานให้เช่า ชั่วโมงละ 40 บาท) เดินหรือวิ่ง (มีทางวิ่งเป็นพื้นปูนหินขัดลักษณะวงรีรอบบึงขนาดใหญ่) สวนเด็กเล่นและลานออกกำลังกาย พร้อมเครื่องเล่นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐานถึง 13 ชนิด เรือถีบหงส์ให้ปั่นในบึงขนาดใหญ่ (ราคาเช่าชั่วโมงละ 40 บาท) นอกจากนี้ ในสวนยังมีบูธน้ำดื่ม อาหารและเครื่องดื่มขาย ในส่วนของห้องน้ำ สวนเบญจกิติมีห้องน้ำไว้ให้บริการถึง 2 จุด การเดินทางมาสวนเบญจกิตินั้นสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวมาได้ แต่ที่จอดอาจมีจำกัด ประมาณ 30-50 คัน เพื่อความสะดวก ไม่ต้องขับวนหาที่จอดรถ แนะนำให้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT (ลงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 3) หรือรถไฟฟ้า BTS (ลงสถานีอโศก ทางออกที่ 4) หรือใครสะดวกโดยสารรถประจำสายก็มีผ่านหลายสายเช่นกัน เช่น สาย 136, 2, 4, 23, 76 สวนเบญจกิติ เปิดตั้งแต่ 5:00 – 21:00 น. หากไปช่วงเช้าและเย็นจนค่ำ จะเห็นผู้คนมาวิ่งออกกำลังกายและทำกิจกรรมอื่นๆมากมาย
อุทยานเบญจสิริ หรือ สวนเบญจสิริ หรือเราอาจได้ยินคนเรียกสวนสาธารณะแห่งนี้ว่า “สวนเบญ” เป็นสวนชุมชนบนพื้นที่ 29 ไร่ของกรมอุตุนิยมวิทยา ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 – 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ติดกับโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์พาร์ค และห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 เช่นเดียวกับสวนเบญจกิติ แต่สร้างในสมัยรัฐบาล ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ สวนเบญจสิริเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมที่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานที่ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมเล็กๆร่วมกัน ภายในสวนมีความร่มรื่นเย็นสบาย มีลานกว้างเพื่อให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรม หากเงยหน้าขึ้นจะเห็นตึกสูงแวดล้อมรอบตัว ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่อีกที่ที่ห่างจากความวุ่นวายและแออัด แม้จะมีตึกสูงตั้งอยู่รอบด้าน
สวนเบญจสิริ มีบ่อน้ำ น้ำพุและลานอเนกประสงค์สวยๆให้ถ่ายรูป มีสนามเด็กเล่น ทางวิ่ง ลานตะกร้อ ลานเล่นสเกตบอร์ด ไปจนถึงสนามวอลเลย์บอล สนามบาสเกตบอล และสระว่ายน้ำ เรียกว่าตอบโจทย์การมาออกกำลังกาย พบปะพูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกันมากๆ เปิดให้บริการตั้งแต่ 5:00 – 21:00 น. สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีพร้อมพงษ์ ออกทางฝั่งห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม แต่ไม่แนะนำให้นำรถยนต์ส่วนตัวมาเพราะหาที่จอดได้ยาก นอกจากนี้ ภายในสวนมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไฟส่องสว่างเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องปลอดภัยให้ผู้คนที่มาออกกำลังกายและพักผ่อนในสวนเบญจสิริแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นสวนเบญจกิติ หรือ สวนเบญจสิริ ทั้งสองที่ล้วนเป็นสวนสาธารณะที่ถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เหมาะกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจ ชอบที่ไหน เลือกไปที่นั่นได้เลย ดีทั้งสองที่
มาดูตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
ตลาดสดคลองเตย เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เก่าแก่กว่า 20 ปี ขายของกันคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืนแบ่งออกเป็น 5 โซน มีสินค้าทั้งในราคาส่งและราคาปลีกในราคาสบายกระเป๋า จำหน่ายอาหารสดอาหารแห้ง อาหารทะเล เช่น หอยแครง หอยหวาน กุ้งลายเสือ ปู ปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ของแห้ง อาหารกแปรรูป ผักผลไม้สด รวมไปถึงอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ตลาดคลองเตยได้พัฒนาศักยภาพของตลาดสู่มาตรฐานสากล จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัดและยุติธรรม มีการจัดระเบียบภายในตลาด คำนึงถึงเรื่องความสะอาด ปลอดภัย และความสะดวกสบายในการมาจับจ่ายใช้สอย เป็นแหล่งกระจายรายได้แหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
ตลาดคลองเตย ตั้งอยู่กลางเมือง บนถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ทางออกศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลา 01:00 – 05:00 น.และ 10:00 – 17:00 น. จะมีสินค้าให้เลือกมากเป็นพิเศษ มีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบายอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาด ติดกับตลาดหลักทรัพย์ รองรับรถได้หลายคัน สำหรับผู้ที่ชอบเดินตลาดยิ่งต้องแนะนำ หากต้องการซื้อของกินของใช้ในราคาย่อมเยา หรือซื้อจำนวนมากๆ กลัวมากลางวันแล้วจะร้อนก็มาหาซื้อของตอนกลางคืนได้ มีสินค้าให้เลือกสรรมากมายเช่นกัน เรียกว่าคุ้มค่า จบครบในที่เดียว
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง